Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

เครื่องดื่มเพิ่มพุง เสี่ยงไขมันสะสมหน้าท้องและไขมันพอกตับ


หมวดหมู่หลัก: ฟรีแลนซ์

หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป

31-01-2023 08:49

ปัจจุบันเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นชานมไข่มุก น้ำอัดลม กาแฟ นมเปรี้ยว หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้ว่าเครื่องดื่มเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความรู้สึกสดชื่น และกระปรี้กระเปร่าเพิ่มมากขึ้น แต่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด ไขมันสะสมหน้าท้อง หรือ พุง อันเป็นผลมาจากปริมาณแคลอรีและ น้ำตาล ที่มีอยู่ในเครื่องดื่มเหล่านี้

ภาพประกอบเคส

ปัจจุบันเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นชานมไข่มุก น้ำอัดลม กาแฟ นมเปรี้ยว หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้ว่าเครื่องดื่มเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความรู้สึกสดชื่น และกระปรี้กระเปร่าเพิ่มมากขึ้น แต่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด ไขมันสะสมหน้าท้อง หรือ พุง อันเป็นผลมาจากปริมาณแคลอรีและ น้ำตาล ที่มีอยู่ในเครื่องดื่มเหล่านี้

ปริมาณแคลอรีที่มีมากเกินไป จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมบริเวณใต้ผิวหนัง และภายในช่องท้องโดยไปเกาะตามอวัยวะที่สำคัญ เช่น ตับ ทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ (NCDs) ตามมาได้มากมาย

จากผลการสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย พบว่าคนไทยรับประทานน้ำตาลมากถึง 25 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำถึง 4 เท่า โดยแนะนำว่าไม่ควรรับประทานน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน

สอดคล้องกับผลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากรไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2564 จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่ อายุ 25 -59 ปี มีการรับประทานเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทุกวันในอัตราส่วนที่สูงกว่าช่วงวัยอื่น โดยรับประทานเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลบรรจุขวดทุกวัน ร้อยละ 34.2 และ รับประทานเครื่องดื่มชงทุกวัน เช่น ชา กาแฟ น้ำหวาน ชานม เป็นต้น ร้อยละ 58.3

เครื่องดื่มที่เสี่ยงต่อการเกิด ไขมันสะสมหน้าท้อง

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็น ไวน์ เบียร์ หรือเหล้า ใน 1 กรัมของแอลกอฮอล์ จะให้พลังงานอยู่ที่ 7 แคลอรี ใกล้เคียงกับพลังงานจากไขมัน โดย 1 ดริงก์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า 30 ml, ไวน์ 100 ml, เบียร์ 330 ml) จะมีแอลกอฮอล์ประมาณ 10-14 กรัม และมีคาร์โบไฮเดรต 0, 3, 13 กรัม เทียบเท่ากับปริมาณน้ำตาล 1-3 ช้อนชา ต่อ 1 ดริงก์ เมื่อรับประทานเข้าไปร่างกายไม่ได้มีการนำไปใช้ประโยชน์ ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมไว้ภายในร่างกาย และก่อให้เกิดไขมันที่หน้าท้อง หรือ พุง ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดไขมันในเส้นเลือดสูง ไขมันพอกตับ ตับแข็งและมะเร็งตับอีกด้วย
  • เครื่องดื่มชงแบบเย็น โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลทราย รวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของฟรุกโตสคอร์นไซรัปและน้ำผึ้ง เช่น กาแฟเย็น ชาเขียวเย็น ชาดำเย็น ใน 1 แก้ว จะมีน้ำตาลประมาณ 12 ช้อนชา
  • เครื่องดื่มสำเร็จรูป
  • น้ำอัดลมหรือน้ำหวาน 1 กระป๋องหรือขวด (325 ml) ปริมาณน้ำตาล 8 – 10 ช้อนชา
  • เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวด (150 ml) ปริมาณน้ำตาล 7 ช้อนชา
  • เครื่องดื่มชง 3 in 1 ปริมาณน้ำตาล 3 ช้อนชา
  • เครื่องดื่มประเภทนมเปรี้ยวและนมปรุงแต่งรสชาติ
  • นมเปรี้ยว 1 ขวดเล็ก (80 ml) ปริมาณน้ำตาล 4 ช้อนชา
  • นมปรุงแต่งรสชาติ 1 กล่อง (225 ml) มีปริมาณน้ำตาล 5 ช้อนชา

ผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลอาจช่วยให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายและทำให้ตื่นตัวมากขึ้นแต่หากรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายอีกมากมายที่ตามมาในภายหลัง ได้แก่ โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ เช่น ไตรกลีเซอร์ไรด์สูง ไขมันพอกตับ โรคมะเร็งบางชนิด โรคความดันโลหิตสูง โรคไต สมองเสื่อม แก่ก่อนวัยอันควร

วิธีการหลีกเลี่ยง

  • ขั้นที่ 1 ลดความถี่ของการรับประทานเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ต่อ 1 วัน ให้น้อยลงจากปกติ อย่างเช่น 3 แก้วต่อวัน เหลือเพียง 1 แก้วต่อวัน เท่านั้น
  • ขั้นที่ 2 ลดความถี่ในการรับประทานต่อ 1 สัปดาห์ จากเดิม 7 วัน อาจต้องปรับเปลี่ยนเป็นวันเว้นวัน และค่อยปรับลดลงเรื่อย ๆ
  • ขั้นที่ 3 ลดปริมาณของน้ำตาลที่ใส่ในเครื่องดื่มลง โดยเติมน้ำตาลไม่เกิน 2 ช้อนชาต่อแก้ว ใน 1 วัน ไม่ควรได้รับน้ำตาลที่เติมลงในเครื่องดื่มและอาหารเกิน 6 ช้อนชา

ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลที่หลายคนขาดไม่ได้ในแต่ละวัน จำเป็นต้องมีการควบคุมปริมาณของน้ำตาลมากขึ้นเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลเกินที่กำหนด หากมีความต้องการรับประทานเครื่องดื่มเหล่านั้นจึงไม่ควรมีน้ำตาลเกิน 2 ช้อนชา เพื่อลดความเสี่ยงภาวะอ้วนลงพุง และโรคภัยต่าง ๆ ที่อาจตามมาในภายหลัง

ที่มา : รามาแชนแนล
https://bit.ly/3RgOC2c


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท