Burnout Syndrome จุดเริ่มต้นความเสื่อมของคนวัยทำงาน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าโซเชียลมีเดียส่งผลให้คนวัยทำงานไม่แยกแยะวันทำงานออกจากวันหยุด คนกรุงเทพฯ ติดอันดับ 5 จาก 71 เมืองที่มีชั่วโมงการทำงานมากที่สุด ถึง 42.13 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (ข้อมูลจากรายงาน Prices and earnings 2015: Do I earn enough for the life I want? ของธนาคาร UBS) ทำให้ชีวิตส่วนตัวและเวลาพักผ่อนน้อยลง จนเกิดภาวะ “Burnout Syndrome”

Burnout Syndrome เป็นโรคทางร่างกายและจิตใจชนิดหนึ่งที่เกิดจากการทำงานหนักมากเกินไปจนหมดพลัง เพราะเสียสมดุลระหว่างเรื่องงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว (work-life balance) ทำให้เกิดอาการสมองไม่แล่น ความจำไม่ดี มีอาการนอนไม่หลับ ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุขกับการทำงาน หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดโรคทางกาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคทางจิต เช่น โรคประสาทเครียดและโรคซึมเศร้าตามมาได้

วิถีชีวิตของคนในปัจจุบันที่ใช้โซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันรวมถึงการทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลาไม่เว้นวันหยุด จนทำให้การพักผ่อนรวมถึงการดูแลรักษาสุขภาพให้มีความสมบูรณ์และสมดุลเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นหรือถูกละเลยไป เมื่อร่างการเริ่มมีภาวะ Burnout Syndrome แล้วปล่อยให้เรื้อรัง ไม่รีบดึงร่างกายและจิตใจให้กลับมาอยู่ในภาวะสมดุลตามธรรมชาติ สุดท้ายจะหาทางออกด้วยการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป สูบบุหรี่จัด กินมากกว่าปกติ และพึ่งการใช้ยานอนหลับ

วิธีป้องกันตัวเองจากภาวะ Burnout Syndrome ดังนี้

• จัดระเบียบให้ชีวิต 45 นาที แล้วพัก 10-15 นาที หมุนเวียนทุกๆ ชั่วโมง หรือเมื่อทำงาน 5 วันแล้ว ควรพักสัก 2 วัน ไม่ใช่ทำงานตลอดทั้ง 7 วัน
• ลดการใช้โทรศัพท์และโซเชียลมีเดีย
• เลือกอาหารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนวิตามินเอและแคโรทีนอยด์มีมากในพืชผักที่มีสีเขียวเข้ม และผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม นอกจากนี้ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ ประสบความสำเร็จในการสกัดเอ็นไซม์ “เอสโอดี” (SOD) จากพืชผักผลไม้ 5 สี กว่า 120 ชนิด ที่ให้ประสิทธิภาพสูงในการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะเป็นอีกตัวช่วยในการย้อนวัยเซลล์ในร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรง

การขยันทำงานเป็นเรื่องดี แต่เราต้องไม่ลืมว่า “งาน” ไม่ได้เป็นทุกอย่างของชีวิต หากต้องทำงานหนักจนสุขภาพเสื่อมโทรม ทำให้ต้องใช้เงินทั้งหมดที่หามาได้ไปกับการรักษาตัวเองเมื่อล้มป่วย คงไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนปรารถนา ดังนั้นเมื่อทำงานอย่างเต็มที่แล้วอย่าลืมพักผ่อนและให้รางวัลชีวิตแก่ตนเองด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการรักษาต้นทุนชีวิตของเรานั่นเอง และเมื่อสุขภาพกายแข็งแรง สมองปลอดโปร่ง ก็จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นอย่างแน่นอน

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://pr.moph.go.th/index.php?url=pr/detail/2/07/97157/