Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

5 สัญญาณเตือนว่าคุณกำลัง work ไร้ balance


หมวดหมู่หลัก: ฟรีแลนซ์

หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป

27-01-2023 09:25

มีคนทำงานไม่น้อยที่ต้องเจอกับปัญหา work ไร้ balance ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความสัมพันธ์กับคนรอบตัว เรามาดู 5 สัญญาณเตือนของการขาดสมดุลการใช้ชีวิตเพื่อที่จะหาทางรับมือได้ทันท่วงที

ภาพประกอบเคส

มีคนทำงานไม่น้อยที่ต้องเจอกับปัญหา work ไร้ balance ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความสัมพันธ์กับคนรอบตัว เรามาดู 5 สัญญาณเตือนของการขาดสมดุลการใช้ชีวิตเพื่อที่จะหาทางรับมือได้ทันท่วงที

1. งานทุกงานเป็นงานด่วน
หากรู้สึกว่างานยุ่งอยู่ตลอดเวลา มีงานใหม่เข้ามาไม่ขาดสายจนต้องคอยสับเปลี่ยน task จนมือระวิง หากเป็นแบบนี้ต้องรีบจัดลำดับความสำคัญของงานเสียใหม่และวางกำหนดส่งงานให้เหมาะสม เพราะหากทุกงานเป็นงานด่วน สุดท้ายคุณจะไม่สามารถรักษาสมดุลระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้เลย

2. รับโทรศัพท์/ตอบแชทตลอดเวลา
แค่เพียงเปิดมือถืองานก็สามารถเข้าหาคุณได้ทุกเวลา หากพบว่าตัวเองต้องคอยตอบแชทและรับโทรศัพท์นอกเวลางานบ่อยขึ้นจนเส้นแบ่งระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเลือนหายไป อีกทั้งต้องคอยพะวงเรื่องงานตลอดเวลา บางครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าหรือเสียงเตือน notification ก็ทำให้คุณรู้สึกผวาและกังวลที่จะเปิดดู อาการแบบนี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังขาดสมดุลในการใช้ชีวิตแล้ว

3. ไม่มีเวลาเหลือสำหรับดูแลตัวเอง
หากคุณให้ความสำคัญกับงานมาเป็นอันดับแรก จนไม่เหลือเวลาสำหรับดูแลตัวเอง มื้ออาหารวนเวียนอยู่แต่อาหารจานด่วน อาหารแช่แข็ง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บางครั้งก็กินไม่ครบมื้อ กิจกรรมต่างๆ เพื่อตัวเองหายไปไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารมื้อดีๆ กับครอบครัว การผ่อนคลาย การออกกำลังกาย หรือไปเที่ยวในวันหยุดก็ห่างหายไปนานมากแล้ว แม้แต่ตอนป่วยก็ไม่มีเวลาไปหาหมอหรือพักผ่อนดูแลตัวเองให้ดีเท่าที่ควร

4. โรคเริ่มถามหา
การทำงานหนักโดยไม่ได้พักผ่อนเพียงพอนานๆ อาจส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ เช่น อาการปวดหัวที่อาจมีสาเหตุมาจากความเครียดและไมเกรน อาการปวดตาจากการจ้องจอนานเกินไป อาการปวดหลัง ปวดคอ-บ่าไหล่จากการนั่งทำงานนานเกินไป หรืออาการปวดท้องเพราะเครียดลงกระเพาะและทานอาหารไม่ตรงเวลา ป่วยเป็นภูมิแพ้เป็นไข้เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นเวลานานจนร่างกายอ่อนแอ หรือเริ่มมีภาวะนอนไม่หลับเพราะความเครียด หากคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้อาจต้องรีบหันกลับมาดูแลตัวเองแล้ว

5. อารมณ์เปลี่ยนแปลง
ความเครียดสะสมจากการทำงานส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพจิต ทั้งอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย ชอบอารมณ์เสียใส่คนที่บ้านจนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือในบางรายก็อาจแสดงออกในทางตรงกันข้ามคือเก็บปัญหาไว้กับตัวเอง โทษตัวเองว่าไม่เก่งไม่คู่ควรกับความสำเร็จที่ได้รับจนเครียด หดหู่ หมดแรงบันดาลใจในการทำงาน และอาจเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า บางคนแทบจำไม่ได้แล้วว่าหัวเราะครั้งสุดท้ายเมื่อไร ดังนั้นนอกจากสุขภาพกายแล้วสุขภาพใจเราก็ต้องหมั่นสังเกตและคอยดูแลจิตใจตัวเองด้วยเช่นกัน โดยอาจหาเวลาพักผ่อน บำบัดจิตใจให้ผ่อนคลาย พูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว หรือปรึกษาแพทย์ในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา

work ไร้ balance เป็นปัญหาสำคัญที่นำมาสู่ผลกระทบทางร่างกายและจิตใจ หากคุณเริ่มเข้าสู่ภาวะนี้ต้องพยายามหาทางแก้ไขโดยหันมารักและดูแลตัวเองให้มากขึ้น แบ่งเวลาชาร์จแบตให้ตัวเอง รวมทั้งลองหันมาจัดลำดับความสำคัญของงานและวิธีการทำงานใหม่อีกครั้ง เพื่อนำสมดุลในการใช้ชีวิตกลับคืนมาก่อนที่ปัญหา work ไร้ balance จะส่งผลต่อสุขภาพกายใจในระยะยาว

ที่มา : Adecco
https://adecco.co.th/th/knowledge-center/detail/5-signs-you-have-no-work-life-balance


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท