ลูกนอนกรน มีอันตรายหรือไม่
หมวดหมู่หลัก: พ่อแม่มือใหม่
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
30-11-2022 12:49
ภาวะการนอนกรนเป็นการหายใจเสียงดัง ซึ่งเกิดขึ้นในขณะหลับ พบได้ในทุกเพศทุกวัย จากการศึกษาพบว่าเด็กประมาณ 3-12 เปอร์เซ็นต์นอนกรน และการนอนกรนพบบ่อยเป็นพิเศษในช่วงอายุก่อนวัยเรียนหรือช่วงระดับชั้นอนุบาล เนื่องจากขนาดของต่อมอดีนอยด์และทอนซิลที่มักโตเมื่อเทียบกับขนาดของทางเดินหายใจเด็ก
ภาวะการนอนกรนเป็นการหายใจเสียงดัง ซึ่งเกิดขึ้นในขณะหลับ พบได้ในทุกเพศทุกวัย จากการศึกษาพบว่าเด็กประมาณ 3-12 เปอร์เซ็นต์นอนกรน และการนอนกรนพบบ่อยเป็นพิเศษในช่วงอายุก่อนวัยเรียนหรือช่วงระดับชั้นอนุบาล เนื่องจากขนาดของต่อมอดีนอยด์และทอนซิลที่มักโตเมื่อเทียบกับขนาดของทางเดินหายใจเด็ก
การนอนกรนมีอันตรายหรือไม่
ทั้งนี้การนอนกรนอาจ เป็นอันตรายได้ หากเกิดร่วมกับภาวะการหายใจที่ลดลง หรือหยุดหายใจในขณะหลับ Obstructive Sleep Apnea Syndrome (OSAS) ซึ่งเกิดจากทางเดินหายใจที่มีการอุดกั้นบางส่วน หรืออุดกั้นอย่างสมบูรณ์ มักเกิดขึ้นเป็นพัก ๆ ขณะหลับ ทำให้เกิดการรบกวนต่อระบบการระบายลมหายใจ และระบบการนอนหลับ
เด็กที่มีโอกาสเสี่ยง(OSAS) ได้แก่
- มีต่อมทอนซิล และ/หรือ ต่อมอดีนอยด์โต
- เด็กที่อ้วนมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน
- มีความผิดปกติของโครงสร้างของระบบทางเดินหายใจ เช่น มีกรามเล็ก, มีขนาดทางเดินหายใจแคบกว่าปกติ
- มีความผิดปกติของสมองที่ทำให้การคุมการทำงานของกล้ามเนื้อระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เช่น Cerebral Palsy
- เด็กที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากสาเหตุต่าง ๆ
- เด็กที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม
- เด็กที่มีปัญหาโรคปอดเรื้อรัง
อาการที่น่าสงสัย
- มีอาการหายใจติดขัด, หายใจลำบาก หรือหยุดหายใจเป็นพัก ๆ นอนกระสับ กระส่าย, เหงื่อออกมากเวลานอน, ตื่นนอนกลางดึกบ่อย ๆ
- ปัสสาวะรดที่นอนทั้งที่เคยควบคุมได้มาก่อน
- อ้าปากหายใจ มีปัญหาด้านการเรียน, เรียนได้ไม่ดี
- มีปัญหาทางพฤติกรรม, สมาธิสั้น, อยู่นิ่งเฉยไม่ได้
- ระดับสติปัญญาต่ำกว่าปกติ
- ง่วงเหงาหาวนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน
- มีความดันโลหิตสูง
การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ ดังนี้
- การตัดต่อม Adenoid และ Tonsils ในรายที่มีต่อม Adenoid และ/หรือ Tonsils โต พบว่าช่วยรักษาการอุดตันของทางเดินหายใจในขณะหลับได้ถึง 75-100% จึงถือเป็นการรักษาหลักในผู้ป่วยกลุ่มนี้
- ในผู้ป่วยที่มีการอุดตันของทางเดินหายใจขณะหลับเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ทางเดินหายใจอุดตันตอนหายใจเข้า หรือในผู้ป่วยที่ตัดต่อมทอนซิลแล้วยังมีปัญหา หรือในรายที่มีปัญหาสุขภาพทางด้านอื่น ไม่สามารถผ่าตัดได้จำเป็นจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อป้องกันการอุดตันของทางเดินหายใจในขณะหลับ (CPAP หรือ BiPAP)
- การรักษาโดยการผ่าตัดเพื่อแก้ความผิดปกติของโครงสร้างของทางเดินหายใจส่วนบนที่แคบกว่าปกติเป็นการทำ Craniofacial Surgery, Uvulopharyngopalatoplasty.
- การรักษาอาการอื่น ๆ ที่อาจเป็นปัจจัยร่วมให้เกิดปัญหาการหายใจที่ผิดปกติขณะหลับเป็นโรคภูมิแพ้, การควบคุมน้ำหนัก
ภาวะแทรกซ้อน
มีชนิดที่มีการอุดกั้นของทางเดิน หายใจร่วมด้วยในขณะหลับ ทำให้มีออกซิเจนในเลือดลดลง ดังที่กล่าวมาแล้ว หากมิได้รับการรักษา หรือแก้ไขอย่างทันท่วงทีจะทำให้เด็กมีสติปัญญาต่ำ, ระดับการเรียนรู้ต่ำลง, มีสมาธิสั้น, Active มากไม่อยู่นิ่ง, ง่วงเหงาหาวนอนในเวลากลางวัน, ปัสสาวะรดที่นอน, ความดันโลหิตสูง, ความดันเลือดในปอดสูง ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจทำงานล้มเหลวได้
ที่มา : ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล
https://bit.ly/3XBK09v