หลอดเลือดสมองแตก โรคร้ายที่เกิดฉับพลัน
หมวดหมู่หลัก: ผู้สูงวัย
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
25-10-2022 11:01
โรคหลอดเลือดสมองแตก มักเกิดจากความเสื่อมของหลอดเลือดที่มาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ภาวะการตีบ ตัน และแตกได้ในที่สุด ความรุนแรงของโรคคือส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เกิดอัมพฤกษ์ซีกใดซีกหนึ่งหรืออัมพาตทั้งตัว และรุนแรงที่สุดคือถึงขั้นเสียชีวิต
โรคหลอดเลือดสมองแตก มักเกิดจากความเสื่อมของหลอดเลือดที่มาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ภาวะการตีบ ตัน และแตกได้ในที่สุด ความรุนแรงของโรคคือส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เกิดอัมพฤกษ์ซีกใดซีกหนึ่งหรืออัมพาตทั้งตัว และรุนแรงที่สุดคือถึงขั้นเสียชีวิต
ช่วงอายุที่เสี่ยง คือ 50 ปีขึ้นไป แต่พบว่ามีผู้ป่วยบางส่วนเกิดโรคนี้ก่อนวัยอันควร ซึ่งมากจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่จัด หรือเป็นโรคความดันสูงเรื้อรังและไม่ยอมรักษา เป็นต้น นอกจากนี้โรคดังกล่าวสามารถพบได้ในเด็ก ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีความผิดปกติของหลอดเลือดมาตั้งแต่กำเนิด
อาการของหลอดเลือดสมองตีบ ตัน หรือแตก
ร่างกายซีกใดซีกหนึ่งชาหรืออ่อนแรงขึ้นมาทันที โดยจะเกิดแบบฉับพลันไม่ทันได้ตั้งตัว เช่น ถือแก้วน้ำอยู่ดีๆ แก้วน้ำในมือก็หลุดร่วงลงไปเฉยๆ หรือผู้ป่วยบางรายก็หมดสติไปเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังปกติดีทุกอย่าง หากเกิดภาวะเส้นเลือดสมองแตกผู้ป่วยอาจปวดศีรษะรุนแรงมากจนถึงขั้นที่เรียกว่ามากที่สุดในชีวิต ระดับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกัน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองแตก
- โรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อโรค เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
- การขาดการออกกำลังกาย
- ความเครียด
- ในผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด มีความเสี่ยงทำให้เลือดที่ออกในสมองไม่ยอมหยุดด้วยตัวของมันเอง นำไปสู่การตีบ ตัน และแตกในที่สุด
- กรรมพันธุ์
วิธีการป้องกันรักษา
สำรวจว่าตนเองมีความเสี่ยงหรือไม่ หากมีต้องดูแลในส่วนนั้นอย่างเคร่งครัด เช่น หากพบว่าตัวเองมีพฤติกรรมสูบบุหรี่จัดก็ต้องพยายามเลิกบุหรี่ หรือหากมีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อโรค ก็ควรดูแลโรคนั้นอย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมไม่ให้ส่งผลข้างเคียงอื่นๆ รวมทั้งการทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารที่มีไขมันสูง และควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการของหลอดเลือดสมองแตกควรรีบนำส่งแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อการรักษาได้ทันท่วงที
ที่มา : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
https://bit.ly/3slwQin