วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุเด็กจมน้ำ
หมวดหมู่หลัก: พ่อแม่มือใหม่
หมวดหมู่ย่อย: อื่นๆ
14-03-2022 10:17
จากกรณีที่มีเด็ก 2 ขวบ จมสระว่ายน้ำในพูลวิลล่า และเมื่อนำเด็กขึ้นจากน้ำได้ทำการปฐมพยาบาลด้วยวิธีด้วยวิธีอุ้มพาดบ่าแล้วกระแทกนั้นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ออกมาเตือนผู้ปกครองให้ดูแลเด็กขณะเล่นน้ำเป็นพิเศษ และได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเด็กจมน้ำ
จากกรณีที่มีเด็ก 2 ขวบ จมสระว่ายน้ำในพูลวิลล่า และเมื่อนำเด็กขึ้นจากน้ำได้ทำการปฐมพยาบาลด้วยวิธีด้วยวิธีอุ้มพาดบ่าแล้วกระแทกนั้นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ออกมาเตือนผู้ปกครองให้ดูแลเด็กขณะเล่นน้ำเป็นพิเศษ และได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเด็กจมน้ำ
การปฐมพยาบาลคนจมน้ำที่ถูกต้อง
เมื่อช่วยคนจมน้ำขึ้นมาแล้ว อย่าพยายามเอาน้ำออกจากท้อง โดยการอุ้มพาดบ่าแล้วกระแทก หรือกดท้อง เพราะอาจก่อให้เกิดผลเสีย เนื่องจากคนจมน้ำจะอาเจียนและอาจสำลักน้ำ มีผลทำให้ขาดอากาศหายใจนานยิ่งขึ้น การดำเนินการช่วยเหลือคนจมน้ำให้ปฏิบัติ ดังนี้
1) โทรศัพท์แจ้งทีมแพทย์กู้ชีพที่หมายเลข 1669 หรือหน่วยพยาบาลใกล้เคียงโดยเร็วที่สุด
2) จับคนจมน้ำนอนบนพื้นราบ แห้ง และแข็ง พร้อมตรวจดูว่าคนจมน้ำรู้สึกตัวหรือไม่ หากรู้สึกตัวให้เช็ดตัวให้แห้ง ห่มผ้าเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และนำส่งโรงพยาบาล แต่หากไม่รู้สึกตัวให้ช่วยหายใจโดยการเป่าปาก 2 ครั้ง และกดหน้าอก 30 ครั้ง โดยกดให้ยุบประมาณ 1 ใน 3 ของความหนาของหน้าอก ความเร็วอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที ทำสลับกันไปจนกว่าคนจมน้ำจะรู้สึกตัวและหายใจได้เอง หรือจนกว่ารถทีมแพทย์กู้ชีพจะมาถึง และนำส่งโรงพยาบาลทันที
จากข้อมูลเบื้องต้นของกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และมีอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำต่อประชากรเด็กแสนคนสูงที่สุด เท่ากับร้อยละ 6.9 และพบว่าขณะเด็กจมน้ำ เด็กอยู่กับผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กถึง ร้อยละ 35.9 ซึ่งส่วนใหญ่ในขณะนั้นผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กกำลังประกอบอาชีพ (ร้อยละ 50) และหลังจากช่วยเด็กขึ้นมาจากน้ำแล้วมีการปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำที่ผิดวิธีด้วยการอุ้มพาดบ่ามากถึง ร้อยละ 27.6
แนวทางการป้องกันเบื้องต้น
เด็กจมน้ำนับว่าเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้น หากผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กพลาดสายตาจากเด็กเพียงเสี้ยววินาที เด็กอาจจมน้ำได้ และหากจมน้ำเพียง 4-6 นาที สมองจะถูกทำลายถาวรหรือเสียชีวิตได้ ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กควรดูแลไม่ให้เด็กเข้าถึงแหล่งน้ำได้เองตามลำพัง และสำหรับเด็กเล็กควรให้เด็กอยู่ในสายตาตลอดเวลา และกำหนดให้มีพื้นที่เล่นที่ปลอดภัยให้แก่เด็ก โดยมีรั้วหรือผนังกั้นทั้ง 4 ด้าน
ที่มา : สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/171039