เตือนภัย พฤติกรรมมนุษย์ออฟฟิศ

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ออฟฟิศ หรือฟรีแลนซ์อย่างเราๆ ทำงานเหนื่อยหนักกันมาทั้งปี ถึงเวลาแล้วที่เราต้อง Set Up อะไรใหม่ๆ ด้วยการทบทวนพฤติกรรมและกิจวัตรประจำวันของการทำงานแล้วว่าส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองให้พ้นจากภัยเงียบของโรคภัยต่างๆ ที่อาจจะก่อตัวอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว

พฤติกรรมที่ส่งผลเสีย และการแก้ไข

1. มนุษย์ออฟฟิศที่ชอบนอนดึก
ทำงานหนัก นอนดึก ตื่นเช้า เวลานอนไม่เพียงพอ ควรปรับเปลี่ยนการพักผ่อนอย่างเร่งด่วน เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้สมาธิของเรานั้นสั้นลง แถมยังทำให้สุขภาพเสียอีกด้วย หากไม่ไหวจริงๆ การงีบหลับในช่วงพักกลางวันสัก 10-15 นาที

2. มนุษย์ออฟฟิศที่ทานอาหารไม่ตรงเวลา
การทานอาหารไม่ตรงเวลา ต้นเหตุทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร รวมถึงการทานอาหารรีบเร่งจนเกินไป การทานอาหารในปริมาณที่มากหรือน้อยจนเกินไป ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารใหม่ เลือกทานอาหารให้ตรงเวลาและปริมาณเพียงพอต่อร่างกายที่ควรจะได้รับ

3. มนุษย์ออฟฟิศที่ชอบนั่งทำงานผิดท่าผิดวิธี
อาการปวดร้าวบริเวณไหล่และหลัง เป็นเพราะการนั่งทำงานผิดท่าผิดวิธี และนั่งแบบนั้นเป็นระยะเวลานานทำให้เกิดความเมื่อยล้าในการทำงานโดยที่ไม่รู้ตัว เรียกว่า“ออฟฟิศ ซินโดรม” ทางแก้ไข คือ ทุก 20 นาที ควรละสายตาออกจากคอมพิวเตอร์บ้าง และทุกๆ 1 ชั่วโมง ควรยืดเส้นยืดสายออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ

4. มนุษย์ออฟฟิศที่ติดจอโทรศัพท์
การจ้องมากไปก็จะทำให้เกิดอาการปวดหัว หรือ วุ้นลูกตาเสื่อมได้ เพราะการทำงานของตานั้นหนักเกินไป ควรบริหารเวลาในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ให้ดี อีกทั้งนอกจากสายตาจะเสียไวแล้วนิ้วของเราก็อาจมีปัญหา เช่น เกิดอาการนิ้วล็อคตามมาด้วย

5. มนุษย์ออฟฟิศที่ชอบทานจุกจิกตลอดทั้งวัน
การทานจุกจิกตลอดทั้งวันโดยที่เราไม่ได้ขยับร่างกายไปไหนเลย จะเกิดไขมันสะสม วิธีแก้ไข คือ เปลี่ยนจากการทานขนมที่ไม่มีประโยชน์เป็นเลือกทานผลไม้สดแทนจะดีที่สุด

6. มนุษย์ออฟฟิศที่ชอบสะพายกระเป๋าหนักเกินไป
การที่เราต้องสะพายกระเป๋าหนักๆ ถือของเยอะๆ ทำให้เกิดอาการปวดไหล่ ปวดคอ ลามไปจนถึงปวดศีรษะและปวดหลังได้ เป็นต้นเหตุของการทรุดและเสื่อมของกระดูกคอจนอาจทำให้เกิดการทับของเส้นประสาท รวมถึงแขนชาหรืออ่อนแรงและกระดูกสันหลังคดได้ ควรเลือกเพียงสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องพกไปมาระหว่างวัน รวมถึงเลือกใช้เป้แบบสะพายแทนกระเป๋าแบบสะพายข้างเดียว เพื่อลดอาการปวดไหล่ที่จะตามมา

ที่มา : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
https://bit.ly/3e2i50u