โรคมือ เท้า ปาก ในเด็ก
หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
31-08-2022 13:40
ขณะนี้หลายพื้นที่ต้องประสบกับสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และพบประปรายในเด็กโต โดยเฉพาะเด็กที่อยู่รวมกัน เช่น ในโรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์เด็กเล็ก โดยเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีและจะพบเพิ่มขึ้นในฤดูฝน
ขณะนี้หลายพื้นที่ต้องประสบกับสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และพบประปรายในเด็กโต โดยเฉพาะเด็กที่อยู่รวมกัน เช่น ในโรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์เด็กเล็ก โดยเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีและจะพบเพิ่มขึ้นในฤดูฝน
สาเหตุของโรค
เกิดจากเชื้อไวรัสในลำไส้ โดยเชื้อจะเข้าสู่ปากจากการสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก น้ำตุ่มพองและแผลของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังเกิดจากการไอ จาม ดังนั้น สถานศึกษาควรมีมาตรการคัดกรองและสังเกตอาการของเด็กก่อนเข้าเรียน เพื่อเฝ้าระวังการป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก
อาการของโรค
เมื่อรับเชื้อมา 3-5 วัน ส่วนใหญ่เด็กมักจะเริ่มมีไข้ต่ำหรือไข้สูงก็ได้ อ่อนเพลีย มีอาการเจ็บปาก กลืนน้ำลายไม่ได้ เนื่องจากมีตุ่มแดงใสที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม รวมถึงฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้นได้ ผื่นมักจะไม่คันและหายเป็นปกติ ภายใน 7 – 10 วัน
การรักษา
โรคนี้ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ แพทย์จะรักษาตามอาการ โดยปกติมักไม่รุนแรงและหายได้เองหากไม่มีอาการแทรกซ้อน ผู้ปกครองจึงควรดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อพบมีไข้สูง ซึม ไม่ยอมทานอาหารหรือดื่มน้ำ อาเจียนบ่อย หอบ แขนขาอ่อนแรง ชัก ควรรีบนำไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดภาวะสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือน้ำท่วมปอด ซึ่งรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
การดูแลเบื้องต้น
พยายามให้จิบน้ำบ่อยๆ อย่าให้ขาดน้ำ หากทานอาหารไม่ได้ เพราะมีอาการเจ็บในปากมาก สามารถให้รับประทานอาหารที่เย็น เช่น ไอศกรีม โยเกิร์ต และรับประทานน้ำตามทุกครั้ง ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นในสามวัน แต่ถ้าทานไม่ได้ ปัสสาวะออกน้อย อ่อนเพลียซึมมากให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล แม้โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่ผู้ปกครองสามารถดูแลได้โดย
- สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
- ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หรือหลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือภายหลังการขับถ่าย หรือเปลี่ยนผ้าอ้อม
- หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าขนหนู
- ผู้ปกครองต้องหมั่นทำความสะอาดของใช้และของเล่นของเด็กเป็นประจำเพื่อลดเชื้อโรค
- หากพบว่าเด็กมีอาการป่วยควรแจ้งทางโรงเรียนทราบและควรรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
ที่มา : สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
https://bit.ly/3PTZi4l