ออกกำลังกายอย่างไรให้หัวใจแข็งแรง
หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
20-08-2022 13:17
การออกกำลังกายอย่างพอดีและเหมาะสม จะสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น ลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ อาทิ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และกล้ามเนื้อหัวใจตาย ความดันโลหิตลดลง ลดการเกิดความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน ทั้งลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคเบาหวานและลดภาวะเครียด นอกจากจะส่งผลดีต่อหัวใจแล้ว การออกกำลังกายยังมีประโยชน์ ต่อสุขภาพโดยรวม เพิ่มภูมิต้านทานโรค ลดไขมันในเลือด ทั้งยังสามารถช่วยให้นอนหลับสนิท ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย
การออกกำลังกายอย่างพอดีและเหมาะสม จะสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น ลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ อาทิ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และกล้ามเนื้อหัวใจตาย ความดันโลหิตลดลง ลดการเกิดความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน ทั้งลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคเบาหวานและลดภาวะเครียด นอกจากจะส่งผลดีต่อหัวใจแล้ว การออกกำลังกายยังมีประโยชน์ ต่อสุขภาพโดยรวม เพิ่มภูมิต้านทานโรค ลดไขมันในเลือด ทั้งยังสามารถช่วยให้นอนหลับสนิท ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพในผู้ป่วยโรคหัวใจ สามารถทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการออกกำลังกายได้ โดยการเลือกออกกำลังกายที่เหมาะสม จะทำให้ผู้ป่วยมีหัวใจที่แข็งแรงขึ้น แต่ถ้าไม่เหมาะสมหรือมากเกินไป ก็อาจเป็นอันตรายต่อหัวใจได้ โดยสามารถวางแผนก่อนการออกกำลังกายได้ ดังนี้
- เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับตนเอง เริ่มจากกิจกรรมเบาๆ เช่น ยืน เดิน แล้วค่อยๆเพิ่มเป็น แกว่งแขน เดินเร็ว วิ่ง หรือปั่นจักรยาน ควรอบอุ่นร่างกาย และมีการยืดหยุ่นกล้ามเนื้อก่อนและหลังออกกำลังกายทุกครั้ง
- ในระหว่างออกกำลังกายพยายามหายใจให้ปกติ ควรสังเกตการหายใจไม่ให้ติดขัด และสามารถพูดคุยได้โดยไม่เหนื่อยหอบ ไม่ควรออกกำลังกายหนักจนเกินไป แต่ควรเน้นที่ระยะเวลาในการออกกำลังกายที่เหมาะสม
- ระยะเวลาอาจค่อยๆเริ่มจาก 5-10 นาที แล้วเพิ่มระยะเวลาขึ้นเรื่อยๆ และควรออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 20-30 นาที
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 3-5 วัน/สัปดาห์
- ไม่ควรออกกำลังกายหรือหยุดออกกำลังกายทันทีเมื่อมีอาการดังนี้ คือ เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เหงื่อออกมาก มือเท้าเย็นซีด เหนื่อยผิดปกติ
ผู้ป่วยจึงควรออกกำลังกายด้วยความระมัดระวัง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีห่างไกลโรคส่งผลให้การดำรงชีวิตและการทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ที่มา : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
https://bit.ly/3pjYFpW