Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

การใช้ยาเพื่อรักษาหูอักเสบ


หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว

หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป

10-08-2022 13:15

อาการปวดหู คือ หูอักเสบ เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ และอาจส่งผลต่อการสูญเสียการได้ยินและการทรงตัว เมื่อใดที่มีความผิดปกติของหูเกิดขึ้นเราจึงไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังได้

ภาพประกอบเคส

อาการปวดหู คือ หูอักเสบ เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ และอาจส่งผลต่อการสูญเสียการได้ยินและการทรงตัว เมื่อใดที่มีความผิดปกติของหูเกิดขึ้นเราจึงไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังได้ อาการหูอักเสบ แบ่งได้ดังนี้

1) หูชั้นนอกอักเสบ (Acute Otitis Externa) มักจะเกิดภายหลังการแคะหู หรือหลังจากมีน้ำเข้าหูแล้วพยายามเช็ดหู โดยเฉพาะหลังการเล่นน้ำหรือว่ายน้ำ ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองในรูหูส่วนนอก ปวดหู หูอื้อ มีของเหลว (หนอง) ไหลออกจากหู ผิวหนังของรูหูส่วนนอกบวมแดงเฉพาะที่ อาจพบหนองที่มีกลิ่นเหม็นอยู่ภายในรูหูส่วนนอก กดเจ็บบริเวณหน้าใบหู เมื่อดึงใบหูหรือโยกใบหูจะเจ็บมากขึ้น อาจพบต่อมน้ำเหลืองบริเวณหน้าหรือหลังหูโตได้

2) หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน (Acute Otitis Media : AOM) หรือหูน้ำหนวก ส่วนใหญ่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียตามหลังการติดเชื้อไวรัสของระบบทางเดินหายใจส่วนบน พบบ่อยในเด็กเล็กถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะทำให้มีน้ำขังในหูชั้นกลาง หรือ แก้วหูทะลุ เกิดหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง

การรักษาด้วยยา

  1. รับประทานยาปฏิชีวนะ ที่เหมาะสมเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ อย่างน้อย 10 – 14 วัน
  2. รับประทานยาแก้แพ้ ยาลดบวม ยาหดหลอดเลือด และพ่นจมูกด้วยยาหดหลอดเลือด ตามแพทย์สั่ง เพื่อทำให้เยื่อบุบริเวณรูเปิดของท่อยูสเตเชียนยุบบวม
  3. ถ้ามีอาการปวดมากหรือมีไข้ สามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น ยาไอบูโพรเฟน ยานาพรอกเซน หรือยาพาราเซตามอล เท่าที่จำเป็น ยาหยอดหูที่มีตัวยาปฏิชีวนะ (ตามแพทย์สั่ง) หยอดวันละ 3-4 ครั้ง

3) หูชั้นในอักเสบ ( Labyrinthitis ) หรือโรคไวรัสลงหู ทำให้การทรงตัวเสียไปชั่วคราว มีอาการวิงเวียนบ้านหมุน คลื่นไส้ซึ่งมักเป็นขณะที่มีการเปลี่ยนท่าทาง บางคนมีอาเจียน หรือตากระตุก หรือเดินเซ ร่วมด้วย โดยทั่วไปจะไม่มีไข้ สาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งลุกลามจากบริเวณจมูกและลำคอผ่านท่อยูสเตเชียนเข้ามาในหูชั้นใน มักเกิดตามหลังไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ บางครั้งอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลุกลามมาจากการอักเสบของหูชั้นกลาง

ข้อควรปฏิบัติเมื่อปวดหู

  • หากมีอาการวิงเวียน คลื่นไส้บ่อย ให้กินยาแก้อาเจียน ได้แก่ ไดเมนไฮดริเนต ซึ่งมีผลข้างเคียงที่สำคัญคือ ง่วงนอน มึนงง จึงต้องระวังอย่าขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร
  • ควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการตากระตุก เดินเซ หรืออาเจียนมาก ปวดหู หูอื้อ หรือมีน้ำหนองไหลมีอาการแขนขาชา หรืออ่อนแรงร่วมด้วย หรือมีอาการนานเกิน 5 วันแบบเป็นๆ หายๆ
  • อาการปวดหูพบได้ในทุกช่วงอายุ และอาจส่งผลต่อการสูญเสียการได้ยิน เมื่อสงสัยว่าอาจเกิดจากหูอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง

หมายเหตุ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง

ที่มา : อย.
https://bit.ly/3Syg9fK


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท