เลือกกินชุดน้ำพริก-ผักต้มอย่างไร ให้ถนอมหัวใจ

เมนูยอดนิยมตามร้านอาหารหรือที่ทำกินเองที่บ้าน ก็จะหนีไม่พ้นน้ำพริกผักต้ม ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาทูย่าง น้ำพริกตาแดง น้ำพริกลงเรือ น้ำพริกกุ้งเสียบ และน้ำพริกมะขาม ซึ่งอันที่จริงแล้ว น้ำพริกผักต้มเป็นเมนูขึ้นชื่อของอาหารไทยมาตั้งแต่โบราณ สำรับของอาหารไทยแต่ดั้งเดิมจะมีน้ำพริกผักต้มอยู่เป็นประจำ

วัตถุดิบหลักของน้ำพริกและคุณค่าทางโภชนาการ

• พริก มีวิตามินซี เบต้าแคโรทีน และสารแคปไซซิน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
• หอมแดง กระเทียม มีซีลีเนียม โปแทสเซียม นอกจากนี้หอมแดงยังช่วยบรรเทาอาการหวัด มีน้ำมันหอมระเหย และกระเทียมมีสารที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายและช่วยป้องกันการติดเชื้อ และช่วยลดไขมันในเลือดได้
• กุ้งแห้ง กะปิ เป็นแหล่งของแคลเซียมที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน และเกลือไอโอดีนที่ป้องกันโรคคอหอยพอก

หลักการเลือกน้ำพริกที่อร่อยและเป็นประโยชน์ต่อสุขกาย สุขภาพใจ มีดังต่อไปนี้

1. จำกัดปริมาณในการบริโภคน้ำพริกรสชาติจัดจ้าน เนื่องจากน้ำพริกมีส่วนผสมหลักที่มีองค์ประกอบของเกลือโซเดียมอยู่มาก ได้แก่ กะปิ กุ้งแห้ง ปลาบ่น น้ำปลา ปลาร้า เป็นต้น ซึ่งโซเดียมทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นได้ และยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการบวมน้ำในผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจและโรคไตด้วย แนะนำให้ตำน้ำพริกรับประทานเองที่บ้าน เนื่องจากจะสามารถควบคุมปริมาณวัตถุดิบรสจัดเหล่านี้ได้
2. เลือกน้ำพริกที่มีโปรตีนเป็นองค์ประกอบ เช่น น้ำพริกปลาทูย่าง น้ำพริกกุ้งเสียบ เป็นต้น หรือหากเป็นน้ำพริกที่ไม่มีเนื้อสัตว์ ให้จัดสำรับพร้อมเนื้อสัตว์แทน เช่น ปลาทูทอด ชะอมชุบไข่ ไข่ต้ม ไข่เค็ม เพื่อให้การบริโภคเมนูน้ำพริกผักต้ม ได้สารอาหารประเภทโปรตีนด้วย และที่สำคัญหากต้องการลดพลังงาน ควรเลือกโปรตีนที่ไม่ผ่านการทอดน้ำมัน เช่น ปลาทูนึ่ง ไข่ต้ม เป็นต้น
3. เลือกน้ำพริกที่มีไขมันน้อย เนื่องจากน้ำพริกบางชนิดมีองค์ประกอบของไขมันในปริมาณมาก สังเกตจะเห็นน้ำมันลอยอยู่ผิวบน ซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับพลังงานสูง และได้รับไขมันเกินความต้องการ เช่น น้ำพริกเผา น้ำพริกกากหมู น้ำพริกอ่อง เป็นต้น ควรเลือกน้ำพริกที่ไขมันต่ำ ได้แก่ น้ำพริกปลาทูย่าง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกแห้ง

ที่มา : มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
https://www.thaiheartfound.org/Article/Detail/140074