กินยาฆ่าเชื้อไม่ครบ ทำไมจึงดื้อยา
หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
23-07-2022 09:41
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) หรือยาฆ่าเชื้อ มีหลายชนิด หลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะสามารถรักษาอาการติดเชื้อในแต่ละบริเวณของร่างกายแตกต่างกันไป เช่น เป็นหวัด เจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นแผลที่ผิวหนังและมีการติดเชื้อร่วมด้วย ตากุ้งยิง เป็นสิว กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) หรือยาฆ่าเชื้อ มีหลายชนิด หลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะสามารถรักษาอาการติดเชื้อในแต่ละบริเวณของร่างกายแตกต่างกันไป เช่น เป็นหวัด เจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นแผลที่ผิวหนังและมีการติดเชื้อร่วมด้วย ตากุ้งยิง เป็นสิว กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น
การรับประทานยาฆ่าเชื้อให้ได้ผลดี
คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจและไม่ทราบวิธีการรับประทานยาฆ่าเชื้อที่ถูกวิธีเพื่อให้ได้ประโยชน์ในการรักษาสูงสุด และเกิดโทษน้อยที่สุด
- ควรรับประทานติดต่อกันให้ครบตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ และต้องรับประทานตามคำแนะนำของยาแต่ละชนิดที่ได้มา เช่น รับประทานก่อนหรือหลังอาหาร ห้ามรับประทานร่วมกับอาหารบางประเภท เป็นต้น
- การรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ หยุดรับประทานยาเอง ไม่รับประทานให้หมดจำนวนที่ได้รับมาจากร้านยาหรือโรงพยาบาล เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การรักษาไม่ได้ผล และเสี่ยงต่อการกลับมาติดเชื้อได้ใหม่ หรืออาจทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “การดื้อยา” ได้
จะเป็นอย่างไรเมื่อมีอาการดื้อยา
- ยาฆ่าเชื้อชนิดเดิมจะไม่สามารถทำลายเชื้อเหล่านี้ได้ จึงกำจัดได้เพียงเชื้อที่ยังไม่ดื้อยาให้ลดจำนวนลงแล้วเหลือเพียงแต่เชื้อดื้อยาอยู่
- เชื้อดื้อยาจะเพิ่มจำนวนและทำให้อาการของโรคกลับมาเป็นซ้ำ
- เชื้อที่ดื้อยาจะสามารถถ่ายทอดพันธุกรรมที่ดื้อยาให้แก่เชื้อตัวอื่นได้อย่างรวดเร็วทำให้เชื้อดื้อยามีจำนวนมากขึ้น
- การได้รับยาไม่สม่ำเสมอจะทำให้เชื้อที่ไม่ดื้อยาสามารถพัฒนาตนเองให้กลายเป็นเชื้อที่ดื้อยาได้
- เมื่อเกิดการดื้อยาขึ้นแล้วจะทำให้ยาชนิดเดิมหรือขนาดเดิมไม่สามารถที่จะใช้รักษาได้ อาจต้องเพิ่มขนาดยาหรือระยะเวลาในการรักษาหรือแม้กระทั่งต้องเปลี่ยนชนิดของยาฆ่าเชื้อเป็นยาฆ่าเชื้อกลุ่มอื่นแทน
- การได้รับยาฆ่าเชื้อในอาการหรือโรคที่ไม่ได้มีการติดเชื้อแบคทีเรียนั้นถือเป็นการใช้ยาฆ่าเชื้อที่ไม่เหมาะสมและเป็นสาเหตุหนึ่งของการดื้อยาได้
ดังนั้นหากเกิดอาการเจ็บป่วยที่สงสัยว่าเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียจึงควรไปพบแพทย์หรือปรึกษาเภสัชกรที่ร้านยา เพื่อให้ช่วยประเมินอาการและความจำเป็นในการใช้ยาฆ่าเชื้อ หากอาการหรือโรคที่เป็นมีความจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อจริง แพทย์หรือเภสัชกรจะสามารถเลือกชนิดของยาฆ่าเชื้อให้ตรงกับโรคและบริเวณที่ติดเชื้อได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการซักประวัติที่เกี่ยวกับการแพ้ยาและเลือกชนิดของยาฆ่าเชื้อที่จะไม่ทำให้เกิดการแพ้ซ้ำได้ ไม่ควรหายามารับประทานเองหรือรับประทานยาฆ่าเชื้อของผู้ป่วยรายอื่น เพราะชนิดของยาที่เหมาะสมในการรักษาอาจไม่เหมือนกัน นอกจากอาจจะไม่หายจากอาการที่เป็น อาจเป็นมากขึ้นหรือได้รับผลข้างเคียงจากยาที่หามารับประทานเอง เช่น ยาตีกับยาอื่นที่ใช้อยู่เป็นประจำ หรือเกิดการแพ้ยาได้อีกด้วย
ที่มา : คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/knowledge_full.php?id=16