พาราเซตามอล ทานไงให้ดี เมื่อเรามีไข้
หมวดหมู่หลัก: ฟรีแลนซ์
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
25-06-2022 08:39
“พาราเซตามอล” มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดได้หลากหลาย และช่วยลดไข้ได้ดีเป็นยาที่ใช้รักษาตามอาการ ไม่ใช่ยารักษาโรคโดยตรง และใช้ได้เฉพาะอาการปวดระดับอ่อนถึงปานกลางเท่านั้นได้แก่ ปวดศีรษะธรรมดา ปวดข้อจากอาการเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อ เคล็ด ขัด ยอก และลดไข้ทั่วๆไป
“พาราเซตามอล” มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดได้หลากหลาย และช่วยลดไข้ได้ดีเป็นยาที่ใช้รักษาตามอาการ ไม่ใช่ยารักษาโรคโดยตรง และใช้ได้เฉพาะอาการปวดระดับอ่อนถึงปานกลางเท่านั้นได้แก่ ปวดศีรษะธรรมดา ปวดข้อจากอาการเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อ เคล็ด ขัด ยอก และลดไข้ทั่วๆไป
อาการปวดที่ยาพาราเซตามอล ไม่มีผลรักษาหรือให้ผลน้อย ได้แก่
- อาการปวดขั้นรุนแรง เช่น อาการปวดจากแผลผ่าตัดใหญ่ อาการปวดจากโรคมะเร็ง
- อาการปวดลักษณะไม่ปกติ เช่น ปวดแสบปวดร้อน เสียวแปลบเป็นครั้งๆ ปวดเหมือนเข็มเล็กๆ ทิ่มแทง เพราะอาการเหล่านี้เป็นอาการปวดจากเส้นประสาททำงานผิดปกติ
- อาการปวดศีรษะเรื้อรัง เช่น ปวดไมเกรน 3-4 ครั้งต่อเดือน ปวดศีรษะจากความเครียดที่มีลักษณะอาการปวดเหมือนโดนบีบรัดมากกว่า 15 วันต่อเดือน
ปริมาณการใช้ยาพาราเซตามอล มีสัดส่วนคือ ยา 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
- โดยทั่วไปยาพาราเซตามอลหนึ่งเม็ดจะมีตัวยา 500 มิลลิกรัม ซึ่งขนาดมาตรฐานสำหรับผู้ใหญ่ ที่ทั่วไปจะมีน้ำหนักตัวมาตรฐานประมาณ 50 กิโลกรัม หากผู้ป่วยน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม ก็สามารถรับประทานครั้ง 2 เม็ดได้
- สำหรับเด็กก็คำนวณเหมือนผู้ใหญ่ แต่จะทานยาเป็นชนิดน้ำเชื่อมแทนซึ่งฉลากจะระบุไว้ว่า 1 ช้อนชา จะได้รับยากี่มิลลิกรัม 1 วัน
- ให้เราทานยาพาราเซตามอลทุกๆ 4-6 ชั่วโมง ครั้งละไม่เกิน 2 เม็ดมากสุดไม่เกินวันละ 6 เม็ด และไม่ควรทานติดต่อกันนานเกิน 3-5 วัน เพราะอาจได้รับยาเกินขนาด มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะ “ตับเป็นพิษ” . การใช้ยาพาราเซตามอลเมื่อมีไข้ ยังช่วยให้เราสังเกตว่า มีโรคอย่างอื่นรุนแรงแทรกซ้อนอยู่หรือไม่ได้ด้วยเช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้ไทฟอยด์ โดยสังเกตลักษณะอาการของไข้ คือไข้หวัดปกติ จะไม่มีอาการไข้ทั้งวัน และไข้จะขึ้นๆ ลงๆ เมื่อทานยาพาราเซตามอล ไข้ก็จะลดลงจนเรารู้สึกสบายตัวแต่หากเป็นไข้เลือดออก ไข้ไทฟอยด์ จะมีอาการไข้ลอย คือไข้จะขึ้นอยู่แบบนั้นทั้งวันไม่เปลี่ยนแปลงฉะนั้นเมื่อทานยาพาราเซตามอลแล้วไข้ไม่ลดลงเท่าที่ควรจะเป็น ให้รีบมาพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัย
“พาราเซตามอล” แม้เป็นยาทั่วๆ ไป แต่หากใช้ไม่ถูกต้อง ก็ก่ออันตรายร้ายแรงกับตัวเราได้
ที่มา : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
https://bit.ly/3N3gX8f