สารอาหารช่วยชะลอและป้องกันความเสื่อมสำหรับวัยทำงาน
หมวดหมู่หลัก: ฟรีแลนซ์
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
18-06-2022 17:01
คนวัยทำงานมักจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลสุขภาพกันเท่าไรนัก การเสริมด้วยวิตามินและเกลือแร่รวม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาและไม่สามารถบริโภคอาหารได้ครบถ้วน เมื่อมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าจากการทำงาน การให้วิตามินรวมและแร่ธาตุเสริมทุกวัน สามารถลดอุบัติการณ์การติดเชื้อและการหยุดงานจากการติดเชื้อได้ และการรับประทานวิตามินในระดับที่มากกว่าความต้องการของร่างกายจะสามารถป้องกันภาวะขาดวิตามินและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้
คนวัยทำงานมักจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลสุขภาพกันเท่าไรนัก การเสริมด้วยวิตามินและเกลือแร่รวม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาและไม่สามารถบริโภคอาหารได้ครบถ้วน เมื่อมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าจากการทำงาน การให้วิตามินรวมและแร่ธาตุเสริมทุกวัน สามารถลดอุบัติการณ์การติดเชื้อและการหยุดงานจากการติดเชื้อได้ และการรับประทานวิตามินในระดับที่มากกว่าความต้องการของร่างกายจะสามารถป้องกันภาวะขาดวิตามินและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้
สำหรับวัยทำงาน สารอาหารหลายชนิดสามารถเข้ามามีบทบาทช่วยชะลอและป้องกันความเสื่อมที่จะเกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร เช่น
- น้ำมันปลา การได้รับน้ำมันปลา 2,000-3,000 มิลลิกรัมต่อวัน ช่วยป้องกันความเครียดและอารมณ์หดหู่ ทั้งยังช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ลดความดันโลหิต
- เลซิติน เป็นสารที่ส่วนใหญ่สกัดจากถั่วเหลือง ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาท ควรได้รับวันละ 2,400-3,600 มิลลิกรัม
- โคเอนไซม์ คิวเทน (Co-enzyme Q10) มีส่วนในการส่งเสริมพลังงานในร่างกาย ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นร่างกายจะมีการสร้างโคเอนไซม์ คิวเท็นลดลง จึงควรเสริมวันละประมาณ 50-100 มิลลิกรัม
- โสมสกัด เป็นสารอาหารที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลกว่ามีส่วนช่วยให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย โดยออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้กระชุ่มกระชวย และมีคุณสมบัติเป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้กล้ามเนื้อมีความสามารถดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างความต้านทานการเกิดโรค ช่วยให้เจริญอาหาร ลดอาการนอนไม่หลับหรือลดอาการเครียด
- วิตามิน บี มีส่วนสำคัญในการบำรุงสมองและระบบประสาทได้ดี
- วิตามิน ซี ช่วยชะลอความแก่และป้องกันโรคต่างๆ ที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย โดยวิตามินซีควรได้รับ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- แร่ธาตุสังกะสี วันละ 10-19 มิลลิกรัม ช่วยให้ร่างกายเสริมสร้างฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ยังคงความหนุ่ม ไม่แก่ก่อนวัยอันควร
- กระเทียมสกัด ช่วยลดทั้งไขมันไตรกลีเซอไรด์ และไขมันโคเลสเตอรอลในเลือด และช่วยให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น ปริมาณที่เหมาะสมควรได้รับวันละ 2-5 มิลลิกรัม
- วิตามิน อี ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและมีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดการเกาะกันของเกร็ดเลือด จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยทั่วไปควรได้รับวิตามิน อี วันละ 400 มิลลิกรัม
สารอาหารเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการสร้างสุขภาพดี ซึ่งนอกจากโภชนาการที่ครบถ้วน และที่ถูกต้องตามสัดส่วนแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ มองโลกในแง่ดี และทำจิตใจให้แจ่มใส เป็นสิ่งจำเป็นต่อการคงไว้ซึ่งสุขภาพที่ดี
ที่มา : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาจังหวัดสมุทรสงคราม
https://bit.ly/39nifx7