ฝันร้าย เป็นสัญญาณเตือนสุขภาพหรือไม่
หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว
หมวดหมู่ย่อย: สุขภาพใจ
28-05-2022 16:00
เชื่อว่าหลายคนต้องเคย ฝันร้าย (Nightmare) ในขณะกำลังนอนหลับ จนทำให้สะดุ้งตื่นเลยก็มี แม้คนไทยบางส่วนอาจตีความไปถึงเรื่องการทำนายฝัน แต่จริงๆ แล้ว การฝันร้ายเป็นภาวะที่สามารถบ่งบอกได้ถึงสัญญาณสุขภาพบางอย่าง โดยเฉพาะผู้ที่นอนหลับฝันร้ายอยู่บ่อยๆ อาจต้องหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อที่จะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพในเวลากลางคืน
เชื่อว่าหลายคนต้องเคย ฝันร้าย (Nightmare) ในขณะกำลังนอนหลับ จนทำให้สะดุ้งตื่นเลยก็มี แม้คนไทยบางส่วนอาจตีความไปถึงเรื่องการทำนายฝัน แต่จริงๆ แล้ว การฝันร้ายเป็นภาวะที่สามารถบ่งบอกได้ถึงสัญญาณสุขภาพบางอย่าง โดยเฉพาะผู้ที่นอนหลับฝันร้ายอยู่บ่อยๆ อาจต้องหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อที่จะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพในเวลากลางคืน
"ฝันร้าย" คืออะไร?
ฝันร้าย คือ ความฝันที่ทำให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์ในเชิงลบ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในขณะที่เรานอนหลับ และกล้ามเนื้อสมองกำลังควบคุมการเคลื่อนไหวของการทำงานของร่างกายหลายๆ ส่วน โดยฝันร้ายส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องราวที่ยาว หรือภาพที่ซับซ้อน บางครั้งก็อาจปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้ ในขณะที่บางคนก็มักจะฝันร้ายตอนเช้า มักส่งผลให้ผู้ฝันเกิดความรู้สึกหวาดวิตก หวาดกลัว โศกเศร้า จนบางครั้งฝันร้ายก็ทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมานั่นเอง
สาเหตุของ "ฝันร้าย"
ในผู้ใหญ่ที่มักฝันร้ายบ่อยๆ หรือฝันร้ายทุกคืนจนสะดุ้งตื่น ทำให้ไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ อาจเกิดจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพ โดยส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 60 มักมีสาเหตุมาจากภาวะความเครียด ความวิตกกังวล จนทำให้ฝันร้ายขณะนอนหลับ และยังมีสาเหตุอื่นๆ ดังต่อไปนี้
- เกิดเรื่องราวสะเทือนใจและเหตุการณ์เจ็บปวดทางจิตใจจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
- มีอาการของ PTSD หรือ โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง
- สูบบุหรี่เป็นประจำ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- ใช้ยาที่มีผลข้างเคียง เช่น ยานอนหลับ เป็นต้น
- มีปัญหาด้านสุขภาพจิต เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า
- รับประทานอาหารที่ย่อยยาก ก่อนเข้านอน
- มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
“ฝันร้าย” ป้องกันได้
หากฝันร้ายแล้วสะดุ้งตื่นอยู่บ่อยครั้ง จนกระทบต่อสุขภาพการนอน ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการฝันร้าย และช่วยให้สามารถหลับง่ายได้มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างดังนี้
- ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนนอน เช่น ชา กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำอัดลม
- พยายามทำกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียด
- รักษาอุณหภูมิในห้องไม่ให้ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
- ปิดผ้าม่าน ปิดไฟ ทำให้ห้องมืดสนิท จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
- ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที แนะนำให้ออกกำลังกายในช่วงเย็น หรือประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
- กำหนดเวลานอนให้เหมือนกันในทุกวัน เพื่อให้ร่างกายได้จดจำเวลาเข้านอน-ตื่นนอน
- หลีกเลี่ยงการเล่นโซเชียลมีเดีย หรือติดตามข่าวเครียดๆ ก่อนนอน
อย่างไรก็ตาม หากทำตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว พบว่ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการนอนฝันร้ายที่รบกวนคุณภาพการนอนได้ หรือรู้สึกว่าส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตประจำวัน ก็ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะได้รักษาได้อย่างตรงจุด และเพื่อให้ได้สุขภาพการนอนที่ดีคืนกลับมา
ที่มา : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=31850