Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

ยาแก้แพ้กับผลข้างเคียงที่ควรรู้


หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว

หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป

12-04-2022 14:27

เนื่องจากในแต่ละวันที่เราต้องพบกับฝุ่น ควัน เชื้อรา มลพิษ อาหารที่ปนเปื้อน เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ รวมถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนส่งผลให้ภูมิแพ้กลายเป็นโรคยอดฮิต

ภาพประกอบเคส

เนื่องจากในแต่ละวันที่เราต้องพบกับฝุ่น ควัน เชื้อรา มลพิษ อาหารที่ปนเปื้อน เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ รวมถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนส่งผลให้ภูมิแพ้กลายเป็นโรคยอดฮิต

ยาแก้แพ้ เป็นกลุ่มยาต้านสารฮีสตามีน ช่วยยับยั้งตัวรับสารฮีตามีนที่เป็นต้นเหตุของอาการแพ้ มีอัตราการใช้สูงมากในประเทศไทย และจัดเป็นกลุ่มยาที่ค่อนข้างปลอดภัย โดยอาการภูมิแพ้ส่วนใหญ่เกิดได้ในหลายที่ เช่น โพรงจมูก ตา หรือผิวหนัง ซึ่งจะมีอาการ เช่น แพ้อากาศ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล แพ้เกสร ไรฝุ่น ขนสัตว์ เชื้อรา ลมพิษ เคืองตา เป็นต้น

ยาแก้แพ้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามผลข้างเคียง คือ

• ชนิดที่ทำให้ง่วง (ยาแก้แพ้รุ่นเดิม)
อาการข้างเคียง : ทำให้ปากแห้ง จมูกแห้ง ปัสสาวะลำบาก ที่สำคัญทำให้ง่วงนอน จึงไม่ควรใช้ยาชนิดนี้ร่วมกับการดื่มสุรา หรือยากดประสาท เช่น ยานอนหลับ ยาคลายเครียด ไม่ควรใช้ตอนขับรถ หรือควบคุมเครื่องจักร แต่จะมีประโยชน์กับผู้ป่วยที่ต้องการการพักผ่อน เช่น โรคหวัด หรือแพ้อากาศ เพราะยานี้จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ รวมทั้งยานี้จะมีฤทธิ์ลดน้ำมูก ทำให้จมูกแห้ง ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายมากขึ้น

• ชนิดที่ไม่ทำให้ง่วงนอน (ยาแก้แพ้รุ่นใหม่)
อาการข้างเคียง : ยาจะออกฤทธิ์ช้า แต่มีฤทธิ์อยู่ได้นาน ดังนั้นผู้ป่วยอาจต้องกินยานี้ต่อเนื่องหลายวันจึงเห็นผล อีกทั้งยาแก้แพ้รุ่นใหม่จะลดน้ำมูก และอาการคัดจมูกได้ไม่ดีเท่ายาแก้แพ้รุ่นเดิม ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ไม่รุนแรง

หลักการและระวังการใช้ยา

  • ควรใช้ยาก่อนสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้แพ้ และใช้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาที่ต้องพบกับสารที่ก่อภูมิแพ้ และยาแก้แพ้จะใช้ได้ผลดีกับการป้องกันมากกว่าการระงับอาการแพ้
  • ควรเริ่มใช้ยาจากขนาดต่ำแล้วค่อยปรับขนาดขึ้น และต้องระวังเรื่องผลข้างเคียง
  • ควรเปลี่ยนชนิดของยาแก้แพ้ภายในระยะเวลา 1-2 เดือน
  • ในกลุ่มเด็กทารก ควรเพิ่มความระวังในการใช้เป็นพิเศษ เนื่องจากเด็กทารกมีความไวต่อการตอบสนองต่อยานี้มาก อาจเกิดผลกระตุ้นประสาท ทำให้เกิดอาการตื่นเต้น กระวนกระวาย ร้องโยเย หรือรุนแรงถึงขั้นชักได้

เมื่อเกิดอาการแพ้ สิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือ สังเกตว่าสิ่งใดที่ทำให้แพ้ และหลีกเลี่ยงเมื่อต้องเจอตัวการที่ทำให้แพ้ เลือกใช้ยาแก้แพ้อย่างถูกต้อง หมั่นออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อต้องการใช้ยา

ที่มา : สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
https://bit.ly/3qFlWUp


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท