อาหารว่างเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหน ถือเป็นช่วงเวลาพิเศษที่จะได้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับครอบครัวและลูกหลานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทำให้เรื่องอาหารการกินต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะการอยู่บ้านอาจทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวน้อย มีการเผาผลาญที่ต่ำ จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูง เพราะอาจทำให้เกิดไขมันสะสมในร่างกายได้

อาหารมื้อว่าง 4 อย่างที่ผู้สูงอายุควรมีติดบ้าน หาซื้อง่าย ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และสามารถนำไปดัดแปลงเป็นอาหารชนิดอื่นๆ ได้ มีดังนี้

• โยเกิร์ตกินง่ายสบายท้อง

ผู้สูงอายุคนไหนที่มีอาการท้องอืดบ่อยๆ การกินโยเกิร์ตะวันละถ้วยจะช่วยได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากนมที่เสริมโพรไบโอติกส์ หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เข้าไป จะช่วยฟื้นฟูและปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้และระบบย่อยอาหารให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ระบบทางเดินอาหารสมดุลแข็งแรง กำจัดเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพออกจากร่างกายได้ดีขึ้น และที่สำคัญโยเกิร์ตยังอุดมไปด้วยแคลเซียมไม่ต่างจากนมปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุนได้

• ผลไม้รสเปรี้ยวกินสู้หวัด

สำหรับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว นอกจากจะกินแล้วสดชื่น ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาของโรคหวัดได้ รวมถึงช่วยในการสร้างคอลลาเจนที่มีหน้าที่ซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ผลไม้รสเปรี้ยวที่แนะนำคือ ฝรั่ง การกินฝรั่งไม่ปลอกเปลือก 1 ผล จะได้วิตามินซีเทียบเท่ากับส้ม 20 ผล รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ช่วยไม่ให้เกิดริ้วรอยตามวัยได้

• ทูน่ากระป๋องกินสะดวกประโยชน์เพียบ

ทูน่าเป็นเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูง และย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ช่วยสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันและซ่อมแซมร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง มีโพแทสเซียมที่ช่วยลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังมีโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ดีต่อการทำงานของสมองและหัวใจอีกด้วย สำหรับชาวสูงวัยไม่ควรเลือกแบบทูน่าในน้ำมันหรือน้ำเกลือ เพราะมีทั้งไขมันและโซเดียมที่สูง ควรเลือกกินทูน่าในน้ำแร่จะดีที่สุด

• อัลมอนด์กินมันเต็มคุณค่าโภชนาการ

อัลมอนด์อุดมไปด้วยไขมันดี ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและเบาหวานในผู้สูงอายุ และช่วยป้องกันอาการผิดปกติในระบบประสาทและสมองได้ นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินอี แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย และมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคกระดูกพรุนอีกด้วย แต่เนื่องจากเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง ผู้สูงอายุจึงไม่ควรกินมากเกินกว่าวันละ 1 กำมือหรือ 24 เมล็ด เพื่อให้ได้รับพลังงานที่เหมาะสม

ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
https://bit.ly/3DevoDb