ไซยาไนด์ ทำความรู้จัก “ราชาแห่งยาพิษ”
หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
29-04-2023 11:23
“ไซยาไนด์” ชื่อนี้คงจะคุ้นหูว่าเป็น “ยาพิษ” ที่มักใช้กินเพื่อฆ่าตัวตาย ขณะเดียวกันคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาของไซยาไนด์เสียด้วยซ้ำไป
“ไซยาไนด์” ชื่อนี้คงจะคุ้นหูว่าเป็น “ยาพิษ” ที่มักใช้กินเพื่อฆ่าตัวตาย ขณะเดียวกันคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาของไซยาไนด์เสียด้วยซ้ำไป
สารกลุ่ม “ไซยาไนด์” ที่ควรรู้จักมี 2 ตัว คือ
- เกลือไซยาไนด์ ซึ่งเป็นโซเดียมไซยาไนด์ หรือ โปรแตสเซียม ไซยาไนด์(potassium cyanide) มีสถานะเป็นของแข็ง พบได้ในพืชหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มันสำปะหลัง ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวไรน์ ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่วชนิดต่างๆ อ้อย แอบเปิ้ล เผือก หน่อไม้ เมล็ดอัลมอลด์ เชอรี่ พีช มะม่วง มะละกอ ฝรั่ง มะนาว เป็นต้น หากกินแบบดิบโดยไม่ผ่านความร้อนให้สุกเสียก่อน เมื่อร่างกายเผาผลาญจะทำให้ไซยาไนด์ในพืชเหล่านี้ออกมาเป็นพิษสู่ร่างกาย
- ไฮโดรเจน ไซยาไนด์ (sodium cyanide) มีสถานะเป็นก๊าซ เกิดจากปฏิกิริยา เมื่อเอากรด เช่นกรดเกลือ หรือกรดกำมะถัน ผสมกับเกลือไซยาไนด์ เป็นสารละลายที่ใช้ในการเคลือบเงา หรือเคลือบสีเหล็ก และเป็นส่วนประกอบในยาฆ่าแมลง มีลักษณะเป็นของแข็ง เป็นเกล็ดสีขาว และมีกลิ่นอัลมอนด์ขมอ่อนๆ
พิษของ “ไซยาไนด์” ต่อร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นเกลือไซยาไนด์ หรือก๊าซ ล้วนเป็นอันตรายถึงตายได้เหมือนกัน ก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ จึงถูกใช้ในการประหารนักโทษระหว่างสงคราม หลายคนอาจจะเคยเห็นในหนังสงคราม มีการใช้ก๊าซตัวนี้พ่นรมศัตรูล้มตายเป็นจำนวนมาก
อาการของพิษเฉียบพลันของไซยาไนด์คือ หายใจติดขัด ชักและหมดสติ อวัยวะที่ถูกกระทบคือระบบประสาทส่วนกลาง ตับ ไต และระบบหัวใจ
อาการเมื่อได้รับพิษจากไซยาไนด์
หากได้รับพิษจากไซยาไนด์จะปรากฏอาการขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้ป่วยจะมีอาการดังต่อไปนี้
- อาการไม่รุนแรง ได้แก่ กล้ามเนื้อล้า แขนขารู้สึกหนัก หายใจลำบาก ปวดหัว รู้สึกมึนงง วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ลมหายใจมีกลิ่นอัลมอนด์จางๆ รู้สึกระคายเคือง คันบริเวณจมูก คอ และปาก
- อาการรุนแรง คลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง หายใจลำบาก ชักหมดสติ เสียชีวิตภายใน 10 นาที
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเฉียบพลัน ส่วนมากจะได้รับไซยาไนด์เข้าสู่ทางร่างกายด้วยการหายใจ การกิน และการซึมเข้าสู่ผิวหนัง หากได้รับไซยาไนด์เข้าไปปริมาณมากจะมีฤทธิ์ยับยั้งการหายใจในระดับเซลล์ ทำให้เซลล์เสียชีวิตได้
นอกจากอาการเฉียบพลันแล้วผู้ป่วยบางรายก็อาจได้รับไซยาไนด์อย่างต่อเนื่องในระยะยาวจนเกิดการสะสม และก่อให้เกิดพิษเรื้อรังได้ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง ปวดศีรษะ และเป็นโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ มักพบกับคนที่ทำงานในโรงงานแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และคนงานขัดเครื่องเงิน
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับไซยาไนด์
- ได้รับทางการหายใจ: ควรให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจน และอากาศบริสุทธิ์ ห้ามผายปอดด้วยวิธีปากต่อปาก และรีบส่งตัวผู้ป่วยให้แพทย์ทันที
- ได้รับผ่านทางผิวหนัง: ก่อนทำการปฐมพยาบาลผู้ป่วยต้องสวมถุงมือป้องกัน จากนั้นให้ถอดเสื้อผ้าของผู้ป่วยที่เปื้อนไซยาไนด์ออก ล้างผิวหนังด้วยน้ำจำนวนมาก แล้วนำส่งแพทย์ทันที
- ได้รับทางดวงตา: ขั้นตอนแรกให้รีบล้างไซยาไนด์ออกด้วยน้ำจำนวนมากเป็นเวลาหลายนาที หากใส่คอนแทคเลนส์ให้ถอดออก แล้วรีบส่งตัวให้แพทย์ทันที
- ได้รับทางปาก: ให้รีบล้างปาก และให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย แต่ห้ามผายปอดด้วยวิธีปากต่อปาก และห้ามทำให้ผู้ป่วยอาเจียน จากนั้นรีบส่งแพทย์ทันที
สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อพบผู้ป่วยที่ได้รับพิษของไซยาไนด์ไม่ว่าจะทางใดก็ตามคือการรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพราะหากได้รับในปริมาณมากจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ประโยชน์ของ “ไซยาไนด์” ถ้าพูดถึงประโยชน์ก็มี เช่น
- ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตไนล่อน โดยเฉพาะยาฆ่าแมลง ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และมักจะมีการใช้อย่างขาดความระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัย
- ใช้เพื่อสังเคราะห์สารเคมีอื่น ๆ ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
- ในเหมืองทองมีการใช้ไซยาไนด์ในกระบวนการสกัดทอง
เกลือไซยาไนด์ละลายน้ำได้ดี ส่วนก๊าซนั้นก็ละลายในน้ำได้ดีเช่นกัน ไวต่อปฏิกิริยากับตัวออกซิไดซ์ อาจระเบิดได้เมื่อถูกความร้อนหรือเปลวไฟ สำหรับชื่ออื่นของก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ ที่ใช้เรียกกันก็มี กรดไฮโดรไซยาไนด์ และ กรด ปรัสซิก เป็นต้น
ที่มา :
1.กรมอนามัย https://bit.ly/3HnfrxE
2.ไทยรัฐ https://bit.ly/3LifGev
3.คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ https://bit.ly/3ngBxLx
3.องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) https://bit.ly/3ndaHnv