Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) ยาเสพติดให้โทษร้ายแรง อันตรายถึงตาย


หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว

หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป

22-04-2023 17:33

ปัจจุบันมีการผลิตยาอีบรรจุในซองคอลลาเจนหรือกาแฟแล้วขายในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ที่หลายคนเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษร้ายแรง การใช้เสพจึงอาจอันตรายถึงตายได้

ภาพประกอบเคส

ปัจจุบันมีการผลิตยาอีบรรจุในซองคอลลาเจนหรือกาแฟแล้วขายในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ที่หลายคนเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษร้ายแรง การใช้เสพจึงอาจอันตรายถึงตายได้

ลักษณะของยาอี
ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) เป็นยาเสพติดตัวเดียวกัน มีลักษณะเป็นเม็ดกลมแบน ด้านหนึ่งนูนหรือเรียบ หรือมีขีดแบ่งครึ่ง อีกด้านหนึ่งมีสัญลักษณ์บนเม็ดยาเป็นรูปต่างๆ เช่น ค้างคาว นก ดวงอาทิตย์ เป็นต้น

ผลเสียที่ได้รับจากการเสพยาอี
ยาอีมีฤทธิ์หลอนประสาทและกระตุ้นประสาท เมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายจะออกฤทธิ์ภายในเวลา 30 - 45 นาที และฤทธิ์ของยาจะอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 6-8 ชั่วโมง โดยออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทในระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นจะหลอนประสาทอย่างรุนแรง

  • ผู้เสพจะรู้สึกร้อน เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง
  • การได้ยินเสียง และการมองเห็นแสงสีต่าง ๆ ผิดไปจากความเป็นจริง
  • เคลิบเคลิ้ม รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
  • เมื่อเสพยาอีเข้าไปจะทำลายระบบประสาท ทำให้เซลล์สมองส่วนที่ทำหน้าที่หลั่งสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสำคัญในการควบคุมอารมณ์ทำงานผิดปกติ โดยจะหลั่งสารนี้ออกมามากกว่าปกติทำให้สดชื่น อารมณ์ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปสารดังกล่าวจะลดน้อยลง ทำให้ผู้เสพเข้าสู่สภาวะอารมณ์เศร้าหมองหดหู่ เกิดอาการซึมเศร้า และอาจกลายเป็นโรคจิตประเภทซึมเศร้า (Depression) มีแนวโน้มการฆ่าตัวตายสูงกว่าคนปกติ
  • ทำให้การนอนหลับผิดปกติ เวลาการนอนลดลง หลับไม่สนิท อ่อนเพลียขาดสมาธิ
  • ในรายที่นิยมเสพพร้อมกับดื่มแอลกอฮอล์หรือเสพยาชนิดอื่นร่วมด้วย อาจทำให้เกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้

ในปัจจุบันมีการลักลอบนำยาอีบดเป็นผงบรรจุลงในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ซองคอลลาเจน ซองกาแฟ ซองเครื่องดื่มเกลือแร่ ทำให้ตรวจสอบได้ยาก หากคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมเสี่ยงและพบสิ่งต้องสงสัย ควรพูดคุยด้วยเหตุผลไม่ใช้ความรุนแรง บอกกล่าวถึงผลเสียต่อสุขภาพรวมถึงอันตรายที่จะตามมา และรีบพาไปพบแพทย์เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาต่อไป

ที่มา : กรมการแพทย์
https://www.dms.go.th/Content/Select_Landding_page?contentId=40375


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท