วิธีใช้ “เจล – สเปรย์แอลกอฮอล์” ให้ปลอดภัย
หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว
หมวดหมู่ย่อย: โควิด
15-03-2022 13:44
โดยทั่วไปแล้วแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อเป็นเอทิลแอลกอฮอล์ ความเข้มข้น 70 – 90 เปอร์เซนต์ มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคมากที่สุด แต่ไม่ควรทาหรือราดทั้งตัว เพื่อการป้องกันโรคโควิด-19 เพราะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง และไม่สามารถป้องกันโรคได้จริง อีกทั้งอาจเกิดอันตรายได้หากกระเด็นเข้าสู่ดวงตาหรือเนื้อเยื่อเนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารติดไฟง่าย หากใช้แอลกอฮอล์ทาทั้งตัว และเข้าไกล้ไฟ จะทำให้เกิดไฟไหม้และเป็นอันตรายได้
โดยทั่วไปแล้วแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อเป็นเอทิลแอลกอฮอล์ ความเข้มข้น 70 – 90 เปอร์เซนต์ มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคมากที่สุด แต่ไม่ควรทาหรือราดทั้งตัว เพื่อการป้องกันโรคโควิด-19 เพราะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง และไม่สามารถป้องกันโรคได้จริง อีกทั้งอาจเกิดอันตรายได้หากกระเด็นเข้าสู่ดวงตาหรือเนื้อเยื่อเนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารติดไฟง่าย หากใช้แอลกอฮอล์ทาทั้งตัว และเข้าไกล้ไฟ จะทำให้เกิดไฟไหม้และเป็นอันตรายได้
จึงควรใช้อย่างปลอดภัย 5 วิธี ดังนี้
1) ไม่ควรใช้สเปรย์แอลกอฮอล์บริเวณที่มีเชื้อเพลิงหรือเปลวไฟ เช่น กองไฟ เตาแก๊ส การจุดยากันยุง การจุดธูป เป็นต้น เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถติดไฟได้
2) ไม่ควรแบ่งแอลกอฮอล์สำหรับการฆ่าเชื้อ ใส่ในขวดน้ำ เพราะอาจมีผู้เข้าใจผิดว่าเป็นน้ำดื่มได้
3) ไม่ควรเก็บแอลกอฮอล์ไว้ในรถที่จอดตากแดด เพราะในรถอุณหภูมิสูงจะทำให้แอลกอฮอล์ระเหย และประสิทธิภาพลดลงจนไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้
4) ไม่ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ในที่แคบ จะทำให้เกิดการฟุ้งโดนใบหน้า เข้าตา และเมื่อหายใจเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคือง
5) ไม่ควรใช้เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์บริเวณผิวบอบบาง เช่น ใบหน้า รอบดวงตา บริเวณที่ผิวอักเสบหรือมีบาดแผล เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคือง และแสบร้อนบริเวณดังกล่าว
การเลือกใช้และเก็บรักษาแอลกอฮอล์
- ให้เลือกใช้เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ที่มีฉลากติดไว้ชัดเจน ไม่หมดอายุ
- เมื่อเปิดใช้มีกลิ่นเฉพาะของแอลกอฮอล์
- ควรใช้เฉพาะจุดที่มือสัมผัส โดยบีบเนื้อเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ลงในฝ่ามือ แล้วลูบให้ทั่วฝ่ามือ หลังมือ และนิ้วมือ ทิ้งไว้ 20 – 30 วินาที จนแอลกอฮอล์ระเหยแห้ง
- เน้นทาที่มือ ก่อนและหลังการสัมผัสจุดสัมผัสร่วม เพื่อสุขอนามัยที่ดี ป้องกันโควิด-19
- การเก็บรักษา ให้เก็บไว้ในอุณหภูมิปกติ โดยปิดฝาภาชนะให้สนิท เพื่อป้องกันแอลกอฮอล์ระเหย
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/170634/