Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

ภาวะรังที่ว่างเปล่า หรือความเหงาของวัยกลางคน


หมวดหมู่หลัก: ผู้สูงวัย

หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป

22-04-2023 11:46

ภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty nest syndrome) มักเกิดในคู่สมรสวัยกลางคน เกิดจากการเปลี่ยนบทบาทของช่วงวัย ส่งผลต่อความพึงพอใจในชีวิตและความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด วัยกลางคนส่วนใหญ่ ไม่ต้องดูแลบุตรเช่นเดิม บางครอบครัวบุตรย้ายออกจากบ้าน ทำให้เกิดความเหงา ความรู้สึกไม่มั่นคง และความเศร้าได้

ภาพประกอบเคส

ภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty nest syndrome) มักเกิดในคู่สมรสวัยกลางคน เกิดจากการเปลี่ยนบทบาทของช่วงวัย ส่งผลต่อความพึงพอใจในชีวิตและความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด วัยกลางคนส่วนใหญ่ ไม่ต้องดูแลบุตรเช่นเดิม บางครอบครัวบุตรย้ายออกจากบ้าน ทำให้เกิดความเหงา ความรู้สึกไม่มั่นคง และความเศร้าได้

แม้ว่า Empty Nest Syndrome จะไม่ใช่อาการเจ็บป่วยทางการแพทย์ แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้จริง โดยผู้ที่เผชิญกับภาวะนี้ มักรู้สึกโดดเดี่ยว ว่างเปล่า ขาดเป้าหมายในชีวิต วิตกกังวล และโศกเศร้า อาการอาจคงอยู่ตั้งแต่หลายสัปดาห์ จนกระทั่งเป็นปี แต่ส่วนใหญ่พบว่าผู้ที่เผชิญภาวะ Empty Nest Syndrome จะมีอาการอยู่ประมาณ 2-3 เดือน จึงจะปรับตัวให้เคยชินกับบ้านที่ว่างเปล่าได้

ภาวะ Empty Nest Syndrome 3 ระดับ

ข้อมูลจากหนังสือ Beyond the Mommy Years เขียนโดย คาริน รูเบนสไตน์ (Carin Rubenstein) แบ่งระดับขั้นของ Empty Nest Syndrome ไว้ 3 ระดับ คือ 1) โศกเศร้า : เมื่อลูกๆ โบยบินออกจากรัง อารมณ์แรกที่พ่อแม่ต้องเผชิญคือความรู้สึกโศกเศร้าและสูญเสีย ในแต่ละวัน พวกเขาอาจเสียน้ำตาง่ายๆ เพียงแค่เห็นมุมที่ลูกชอบนั่งบ่อยๆ แก้วน้ำที่ลูกใช้ประจำ หรือรายการทีวีที่ต้องดูด้วยกันทุกสัปดาห์ ความโศกเศร้านี้อาจทำให้พ่อแม่เก็บตัวออกห่างจากสังคม เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิต 2) โล่งอก : หลังจากหลายเดือนแห่งความโศกเศร้าผ่านไป เริ่มคุ้นเคยกับบ้านที่ว่างเปล่า พ่อแม่มักรู้สึกโล่งใจ เริ่มชื่นชอบอิสรภาพครั้งใหม่ที่ค้นพบ มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และค้นพบว่าชีวิตก็ไม่ได้แย่อย่างที่เคยกังวล 3) สงบสุข : เมื่อผ่านอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ราวกับนั่งรถไฟเหาะได้สักระยะ ในที่สุดพ่อแม่ที่เผชิญกับภาวะ Empty Nest Syndrome ก็จะปรับตัวให้คุ้นเคยกับกิจวัตรประจำวันใหม่ๆ เข้าใจความเป็นไปของชีวิตได้มากขึ้น และจะพบกับความสงบสุข เมื่อสามารถค้นพบเป้าหมายใหม่ในชีวิตของตนเอง

สิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าในใจ มีดังนี้

  1. เริ่มปรับตัว โดยการมองหาเป้าหมายใหม่ให้ชีวิต
  2. ปรับวิธีคิด แม้ไม่ต้องดูแลบุตรเหมือนเดิม ก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นผู้ให้คำปรึกษาได้
  3. ชื่นชมบุตรหลาน เมื่อประสบความสำเร็จและเลี้ยงดูตนเองได้
  4. ติดต่อพูดคุย กับบุตรหลานหรือคนในครอบครัวสม่ำเสมอ โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวช่วย
  5. ดูแลร่างกายให้สดใสแข็งแรง
  6. หางานอดิเรกทำ
  7. สามารถปรึกษาแพทย์ หากรู้สึกทุกข์ใจเป็นระยะเวลานาน

ซึ่งนอกจากการปรับตัวของวัยกลางคนในด้านต่างๆ แล้ว การได้รับความรักความเอาใจใส่จากบุตรหลาน ก็สามารถช่วยลดความรุนแรงของวิกฤติวัยกลางคนได้ด้วย

ที่มา : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
https://bit.ly/3KPCCBC


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท