มะเร็งตับและท่อน้ำดี ภัยเงียบที่คนไทยต้องระวัง
หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
08-04-2023 11:36
มะเร็งตับและท่อน้ำดี พบมากเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งทั้งหมดที่พบในประเทศไทย พบมากที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ พบเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง
มะเร็งตับและท่อน้ำดี พบมากเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งทั้งหมดที่พบในประเทศไทย พบมากที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ พบเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งประเทศไทย ปี 2561 พบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งตับ รายใหม่ 22,213 คน/ปี ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 15,650 คน/ปี (Cancer in Thailand Vol.X (2016-2018) สถาบันมะเร็งแห่งชาติและสถิติสาธารณสุข ปี 2564)
มะเร็งตับที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ
1.มะเร็งของเซลล์ตับ ส่วนมากเกิดจากการเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี
2.มะเร็งท่อน้ำดีตับ เกิดจากพยาธิใบไม้ตับร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีดินประสิว (ไนเตรท) และไนไตรท์ เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้มแหนม ฯลฯ นอกจากนี้ การดื่มสุราเป็นประจำ การรับสารพิษอะฟลาทอกซินที่เกิดจากเชื้อราบางชนิดที่พบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง รวมถึงไวรัสตับอักเสบชนิดซีก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งตับได้
อาการของโรค
ผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีแต่ละรายอาจมีการแสดงอาการแตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่มีอาการในระยะแรก อาการส่วนใหญ่ที่พบคือ แน่นท้องท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องโต และมีอาการบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น
หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย เช่น การตรวจเลือดดูความผิดปกติการทำงานของตับ การตรวจระดับอัลฟาฟีโตโปรตีน การอัลตราซาวด์เพื่อดูก้อนที่ตับ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็ก เป็นต้น
การรักษามะเร็งตับและท่อน้ำดี
การรักษาจำเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เนื่องจากมีปัจจัยที่ต้องคำนึงหลายประการ
การป้องกันโรค
1.การให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน
2.ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ
3.ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ
4.รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน อาหารที่มีดินประสิว และอาหารหมักดอง เป็นต้น
หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับและท่อน้ำดี ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับอักเสบหรือท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ควรรับการตรวจหามะเร็งอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับหรือมะเร็งท่อน้ำดีได้
ที่มา : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/188963/