Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

ป้องกันลูกน้อยจากโรคมือ เท้า ปาก


หมวดหมู่หลัก: พ่อแม่มือใหม่

หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป

08-04-2023 11:02

โรคมือ เท้า ปาก มักพบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และอาจพบได้ประปรายในเด็กโต สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีและอาจพบบ่อยในช่วงฤดูฝน สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสในลำไส้ โดยเฉพาะไวรัส จะเข้าสู่ปากโดยการสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก หรือน้ำตุ่มพองจากแผลของผู้ป่วย และหาก ไอ จาม รดกันก็สามารถติดต่อกันได้

ภาพประกอบเคส

โรคมือ เท้า ปาก มักพบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และอาจพบได้ประปรายในเด็กโต สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีและอาจพบบ่อยในช่วงฤดูฝน สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสในลำไส้ โดยเฉพาะไวรัส จะเข้าสู่ปากโดยการสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก หรือน้ำตุ่มพองจากแผลของผู้ป่วย และหาก ไอ จาม รดกันก็สามารถติดต่อกันได้

อาการของโรคมือ เท้า ปาก

  • เด็กจะเริ่มมีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย หลังจากได้รับเชื้อไวรัส 3 -6 วัน
  • มีอาการเจ็บปาก กลืนน้ำลายลำบาก เบื่ออาหารและไม่ยอมทานอาหาร
  • มีตุ่มแดงขึ้นที่บริเวณลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม
  • มีตุ่มพองใสแดงที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า และสามารถพบได้ที่บริเวณ หัวเข่าทั้งสองข้าง หรืออาจขึ้นบริเวณก้นได้ ตุ่มแดงใสจะยุบและหายได้เองภายใน 7 – 10 วัน

การรักษา

โรคมือ เท้า ปาก นี้ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันหรือยารักษาโดยเฉพาะ แพทย์จะทำการรักษาตามอาการ โดยปกติโรคนี้มักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองหากไม่พบภาวะแทรกซ้อน แต่อาจสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ปกครอง ฉะนั้นผู้ปกครองควรดูแลเด็กเล็กและบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีไข้สูง ซึม ไม่ยอมดื่มน้ำหรือทานอาหาร มีอาการอาเจียนร่วมด้วย เหนื่อยหอบ ควรรีบมาพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือน้ำท่วมปอดได้ และส่งผลให้เด็กเสียชีวิต

วิธีป้องกันโรคมือ เท้า ปาก

  1. สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
  2. หมั่นล้างมือด้วยเจล แอลกอฮอร์ ทางที่ดีควรล้างด้วยสบู่และน้ำบ่อยๆ หรือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร
  3. หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า และควรใช้ช้อนกลางในการตักอาหาร
  4. ไม่ควรพาเด็กไปในสถานที่แออัด เช่น สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรค 5.หากเด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้ควรหยุดเรียน และพักผ่อนให้หายป่วยเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ไปแพร่เชื้อยังเด็กคนอื่น และต้องรีบแจ้งให้ทางโรงเรียนทราบ และที่สำคัญผู้ปกครองต้องหมั่นสังเกตอาการของบุตรหลาน หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ควรพาเด็กมาพบแพทย์โดยเร็ว

ที่มา : สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
https://bit.ly/3MrWJbF


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท