ริดสีดวงทวาร รักษาได้ ไม่เจ็บ
หมวดหมู่หลัก: ฟรีแลนซ์
หมวดหมู่ย่อย: เจ็บป่วยทั่วไป
19-03-2023 08:43
ริดสีดวง คือ เนื้อเยื่อปกติที่อยู่ช่องรอบทวาร เป็นเยื่อบุที่มีความยืดหยุ่นและมีหลอดเลือดใต้เยื่อบุ รวมถึงเส้นประสาทที่อยู่รอบๆ ช่องทวาร ระหว่างการขับถ่ายเนื้อเยื่อนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยการขับถ่าย ความยืดหยุ่นจะช่วยลดแรงเสียดสี ทำให้ไม่เกิดบาดแผล รวมถึงเมื่ออยู่ในภาวะปกติ
ริดสีดวง คือ เนื้อเยื่อปกติที่อยู่ช่องรอบทวาร เป็นเยื่อบุที่มีความยืดหยุ่นและมีหลอดเลือดใต้เยื่อบุ รวมถึงเส้นประสาทที่อยู่รอบๆ ช่องทวาร ระหว่างการขับถ่ายเนื้อเยื่อนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยการขับถ่าย ความยืดหยุ่นจะช่วยลดแรงเสียดสี ทำให้ไม่เกิดบาดแผล รวมถึงเมื่ออยู่ในภาวะปกติ เมื่อมีอาการไอ จาม จะเป็นตัวที่คอยช่วยทำหน้าที่ในการกลั้น ทำให้อุจาระหรือลมไม่เล็ดออกมา หรือแม้กระทั่งการรับรู้ถึงความรู้สึกเมื่ออยากผายลมหรืออยากขับถ่ายอุจจาระ
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวริดสีดวงเกิดความผิดปกติขึ้น อาทิ มีการปูดยื่น เยื่อบุที่มีการบางตัวลง หรือหลอดเลือดที่มีการโป่งพองขึ้น จะทำให้เกิดภาวะโรคริดสีดวงทวาร ซึ่งจะเป็นปัญหาและสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตค่อนข้างมากพอสมควร
ชนิดของโรคสีดวงทวาร แบ่งเป็นเป็น 2 ชนิด
-
ริดสีดวงทวารภายใน อยู่ในรูทวาร หากมีปัญหาขึ้นมาบางครั้งจะมีปูดยื่นหรือปลิ้นออกมา รวมถึงมีเลือดออกได้ ระหว่างการขับถ่าย เป็นโรคที่พบได้บ่อย มี 4 ระยะ
-
ระยะที่ 1 เมื่อขับถ่ายอุจจาระ และสัมผัสโดน อาจจะทำให้มีเลือดออกได้ แต่จะไม่มีก้อนปูดยื่นปลิ้นออกมาให้เห็นภายนอก
- ระยะที่ 2 ก้อนมีขนาดใหญ่มากขึ้น เริ่มมีการปลิ้นยื่นออกมาจากรูทวาร หลังขับถ่ายก้อนริดสีดวงจะหดกลับเข้าไปเอง บางครั้งอาจจะทำให้เลือดออกร่วมด้วย
- ระยะที่ 3 ริดสีดวงมีการปลิ้นยื่นออกมาจากรูทวารระหว่างการขับถ่าย ไม่สามารถหดกลับเข้าเองได้ ผู้ป่วยต้องใช้นิ้วในการช่วยดันกลับ จะเริ่มมีปัญหาอื่นร่วมด้วย เริ่มปวดมากขึ้น
-
ระยะที่ 4 ริดสีดวงออกมาแล้วค้างอยู่ด้านนอก ไม่สามารถกลับเข้าในรูทวาร
-
ริดสีดวงทวารภายนอก เป็นก้อนนูนที่ขอบทวารด้านนอก ผู้ป่วยอาจจะไม่มีอาการอะไรนำมาก่อน แต่บางครั้งภาวะท้องผูก เบ่งมากหรือการนั่ง หรือเดินทางนาน ทำให้เกิดการเสียดสีบาดเจ็บของขอบทวาร ทำให้เกิดลิ่มเลือดภายใน เกิดการปูดยื่นออกมา ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมาด้วยเรื่องอาการปวดร่วมกับการคลำพบก้อนที่ขอบทวาร ในระยะ 2-3 วัน การรักษาโดยการกรีดระบายเอาลิ่มเลือดออก ก้อนจะยุบและทำให้อาการปวดดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
สาเหตุหลักของการเป็นริดสีดวงทวาร
เนื่องจากริดสีดวงทวารเป็นเนื้อที่อยู่ในรูทวาร ที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่าย สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้เกิดได้หลายประการ ได้แก่
- การนั่งขับถ่ายอุจจาระนาน การเบ่งอุจจาระแรง
- ภาวะท้องผูก ทานอาหารที่ผิดสุขลักษณะ ดื่มน้ำน้อยเกินไป ทานอาหารที่มีกากใยน้อย
- มีโรคประจำตัวอื่นที่เพิ่มความดันในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง ภาวะตั้งครรภ์ โรคอ้วน
อาการที่พบบ่อยของริดสีดวงทวาร มี 2 อาการ คือ
- มีเลือดออกขณะหรือหลังถ่ายอุจจาระ
- มีติ่งหรือก้อนยื่นออกจากรูทวาร ระหว่างการขับถ่ายอาจมีอาการคัน ปวด เจ็บ บริเวณที่เป็นริดสีดวง
ภาวะเลือดออกที่ควรระวัง
- มีความผิดปกติของการขับถ่ายที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม
- มีอาการปวดหน่วง ร่วมกับมีมูกเลือดปน
- มีอาการปวดท้องเรื้อรัง
- มีภาวะซีดอ่อนเพลีย
- มีน้ำหนักลดผิดปกติ
- มีประวัติมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว รวมถึงมะเร็งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ภาวะแทรกซ้อน
บางรายมีภาวะเลือดออกมากผิดปกติ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง หรือเลือดออกจนความดันโลหิตต่ำ จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย หรือในบางกรณีก้อนยื่นออกพ้นรูทวาร และถูกหูรูดทวารรัดตัวแน่น ไม่สามารถหดกลับได้ ส่งผลให้บวม จนกระทั่งเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ เกิดภาวะขาดเลือด ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อ มีฝีหนอง ตามมาได้
การรักษา ขึ้นอยู่กับระยะของโรค แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่*
1.การรักษาโดยการไม่ผ่าตัด
สำหรับผู้ป่วยที่เป็นในระยะที่ 1 และระยะที่ 2
- ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร ลดการแบ่งในขณะที่เข้าห้องน้ำในระยะเวลานาน
- รับประทานยา หรือเหน็บยา
- ใช้ยางรัดตรงขั้วหัวริดสีดวงทวาร เพื่อให้เนื้อเยื่อมีอาการขาดเลือดและหลุดออกมาเองตามธรรมชาติ
- ฉีดสารกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดพังผืดหดรัดเส้นเลือด
2.การรักษาโดยการผ่าตัด
สำหรับผู้ป่วยระยะที่ 3 และระยะที่ 4 การผ่าตัดริดสีดวงมีด้วยกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะของริดสีดวงทวาร และการพิจารณาของแพทย์ตามความเหมาะสม หลังการผ่าตัดสามารถกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ในวันถัดไป
ที่มา : ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
https://www.med.cmu.ac.th/web/news-event/news/pr-news/9791/