“รัก” ความรู้สึกในใจที่ พ่อ - ลูก อยากบอกกันมากที่สุด
หมวดหมู่หลัก: พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว
หมวดหมู่ย่อย: อื่นๆ
14-03-2023 09:12
ในอดีตเรามักให้ความสำคัญและวางบทบาทการเลี้ยงลูกไว้กับแม่ ในขณะที่พ่อถูกวางบทบาทให้เป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องทำมาหากิน หาเงินมาเลี้ยงดูคนในครอบครัว ทำให้ความเป็นพ่อลูกมีระยะห่าง ลูกขาดความใกล้ชิดกับพ่อ แต่ในปัจจุบันรูปแบบของครอบครัวเปลี่ยนไป ทั้งพ่อและแม่ต้องทำงานนอกบ้านบทบาทการเลี้ยงดูลูกจึงไม่ใช่เป็นบทบาทของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งพัฒนาการด้านจริยธรรมครอบครัว พบว่าครอบครัวที่พ่อช่วยเลี้ยงลูก จะทำให้ลูกมีความสามารถในการควบคุมและยับยั้งชั่งใจตนเองได้ดีกว่าครอบครัวที่พ่อไม่มีส่วนช่วยในการเลี้ยงดูลูก
ในอดีตเรามักให้ความสำคัญและวางบทบาทการเลี้ยงลูกไว้กับแม่ ในขณะที่พ่อถูกวางบทบาทให้เป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องทำมาหากิน หาเงินมาเลี้ยงดูคนในครอบครัว ทำให้ความเป็นพ่อลูกมีระยะห่าง ลูกขาดความใกล้ชิดกับพ่อ แต่ในปัจจุบันรูปแบบของครอบครัวเปลี่ยนไป ทั้งพ่อและแม่ต้องทำงานนอกบ้านบทบาทการเลี้ยงดูลูกจึงไม่ใช่เป็นบทบาทของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งพัฒนาการด้านจริยธรรมครอบครัว พบว่าครอบครัวที่พ่อช่วยเลี้ยงลูก จะทำให้ลูกมีความสามารถในการควบคุมและยับยั้งชั่งใจตนเองได้ดีกว่าครอบครัวที่พ่อไม่มีส่วนช่วยในการเลี้ยงดูลูก
เวลาแม้เพียงน้อยนิดของพ่อที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับลูกตั้งแต่วัยเด็ก จะช่วยให้เกิดเติบโตได้อย่างสมวัยทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถผ่านพ้นและแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัย จนเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และพฤติกรรมที่เหมาะสม มีสุขภาพจิตดีตลอดไปได้
- ลูกอายุ 1-3 ขวบ ถือเป็นช่วงที่มีความสำคัญในด้านความรัก ความอบอุ่น
- ลูกอายุ 3-5 ขวบ เป็นช่วงแห่งการเรียนรู้
พ่อจึงเป็นแบบอย่างสำหรับลูกย่อมทำให้ลูกเกิดความไว้วางใจ เมื่อมีปัญหาก็จะมาปรึกษา ความรัก ความผูกพันในครอบครัว จึงเป็นรากฐานสำคัญของความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย และความรู้สึกมีคุณค่าในเด็ก
ความรักความผูกพันที่ดีของพ่อจะส่งผลต่อลูกสาวและลูกชาย ดังนี้
- ลูกสาว มีสัมฤทธิ์ผลทางการศึกษาสูงรู้สึกดีต่อตนเอง รู้จักยืนหยัดโดยไม่จำเป็นต้องก้าวร้าว รู้สึกมั่นใจในความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับเพศตรงข้าม มีความมั่นใจในตนเองและมีโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคต
- ลูกชาย ส่งผลให้พวกเขา รู้จักบทบาทหน้าที่ที่พึงกระทำในครอบครัว มีภาวะผู้นำที่ดีสร้างวินัยและปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นในสังคมได้ดี มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ มีความเข้าใจในเรื่องเพศที่ดี วางตัวเหมาะสม มีความเป็นสุขภาบุรุษมีความมั่งใจในตนเอง มีความกล้าหาญในการช่วยเหลือผู้อื่นและทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม
แนวทางการเป็นแบบอย่างของพ่อให้ลูก ได้แก่
- มีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูก
- สอนสิ่งใหม่ๆให้กับลูก เพื่อให้ลูกมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น เช่นทักษะการกีฬา ขี่จักรยาน ล้างรถ ปลูกต้นไม้ ซ่อมแซมของใช้ เป็นต้น
- สอนการบ้านและใช้เวลาใกล้ชิดลูก สอนให้ลูกรู้จักการคิดแก้ปัญหาโจทย์ สร้างบรรยากาศในการทำการบ้านให้มีความสุข ฟังความทุกข์ใจของลูก ปรับบทบาทให้เป็นเพื่อนกับลูก ชื่นชมเมื่อลูกคิดหรือทำงานได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจให้กับลูก เมื่อเติบโตขึ้นจะทำให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี รู้จัดคิดแก้ปัญหาในชีวิตได้ดี
- ให้เวลาสนุกสนานกับลูก ทำกิจกรรมร่วมกัน สำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงมีวันหยุดหลายวัน จึงเป็นโอกาสดีที่พ่อลูกและครอบครัวจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีคุณค่า มีช่วงที่ดีแบ่งปันความสนุกสนานซึ่งกันและกัน หรือการทำกิจกรรมที่ท้าทายร่วมกัน เช่น การปีนต้นไม้ เดินป่า นอนเต้นท์ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีความกล้าในการแสดงออกกล้าที่จะเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเติบโตได้ดี
- เป็นแบบอย่างของความกตัญญู พาลูกไปเยี่ยมและดูแลญาติผู้ใหญ่ ปู่ย่าตายาย ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล และดูแลญาติผู้ใหญ่ ปู่ย่าตายาย ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล และดูแลเมื่อยามเจ็บไข้ รวมถึงการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างของการรู้จักตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณคนอื่นๆ ซึ่งการทำตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็นยอมเป็นการสอนที่ดีกว่าการใช้คำพูด
หากพ่อลูกผูกพันสร้างสัมพันธ์กันมากขึ้นมีการสื่อสาร พูดบอกความรู้สึกของตังเองอย่างแท้จริงได้ทุกวันไม่ใช้เฉพาะวันพ่อ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ ย่อมสร้างความเข้าใจ ความรัก ความผูกพัน ปรับเปลี่ยนสิ่งที่ทั้งลูกและพ่อเห็นว่าไม่ดีให้ผ่านพ้นไปกับปีเก่า และหันมาทำสิ่งดีๆ ให้กันในวันปีใหม่ พ่อ-ลูก ก็มีความสุข ครอบครัวย่อมีความสุข
ที่มา : สถาบันราชานุกูล
https://bit.ly/3JaXtPh