ตรวจสุขภาพช่องปากช่วงตั้งครรภ์ ลดโอกาสถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก

หญิงตั้งครรภ์มักพบปัญหาโรคเหงือกอักเสบได้บ่อย เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ส่งผลให้เหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนต่าง ๆ ที่รองรับฟันอ่อนแอลง อีกทั้งอาการแพ้ท้อง อาเจียนบ่อย และการกินอาหารจุบจิบส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์เกิดโรคฟันผุได้ง่าย หากมีการดูแลอนามัยช่องปากที่ไม่ดี จะส่งผลให้โรคฟันผุลุกลามอย่างรวดเร็ว

การลดปัญหาด้านสุขภาพช่องปากของแม่และลูกที่จะเกิดมา

• หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับการตรวจฟัน เพื่อให้รู้ถึงการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองและลูก
• การฝึกทักษะการแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟันที่ถูกวิธี
• หากพบว่ามีปัญหาโรคในช่องปากควรได้รับการรักษาตามความจำเป็นในช่วงตั้งครรภ์เดือนที่ 4 – 6
• หากมีอาการปวดฟัน เหงือกบวม เป็นหนอง มีฟันผุใหญ่ ลึก หรือฟันคุดที่มีการติดเชื้อ ควรเข้ารับการรักษาทันที
• หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับบริการขูดหินน้ำลาย และทำความสะอาดช่องปาก เพื่อช่วยลดภาวะเหงือกอักเสบ ส่วนการอุดฟันช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้
• ปรับทัศนคติของแม่ให้เห็นความจำเป็น ของการดูแลสุขภาพช่องปาก ลดการถ่ายทอดเชื้อโรคที่เป็นต้นเหตุฟันผุจากแม่สู่ลูก

ผลกระทบปัญหาช่องปากจากแม่สู่ลูก

• แม่ที่มีฟันผุหลายซี่ มีโอกาสสูงที่จะถ่ายทอดเชื้อที่เป็นสาเหตุฟันผุจากแม่สู่ลูกได้มากขึ้น ทำให้ลูกมีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคฟันผุ
• หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ดูแลสุขภาพช่องปากจนมีปัญหาเหงือกอักเสบและฟันผุ จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติกับเหงือกและฟันของลูกได้ เนื่องจากฟันน้ำนมของลูกเริ่มสร้างตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์มารดา 6 สัปดาห์
• หากแม่ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนหรือไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้การสร้างฟันของลูกผิดปกติและมีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุมากขึ้น เพิ่มโอกาสสูญเสียฟันน้ำนมเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
• โรคปริทันต์อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด และเด็กมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยได้

ทั้งนี้ เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของลูก หญิงตั้งครรภ์ควรดูแลสุขภาพช่องปากตนเองอย่างเหมาะสม ด้วยการแปรงฟันตามสูตร 2-2-2 คือ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน โดยแปรงฟันนาน 2 นาทีขึ้นไป ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ และงดกินอาหาร 2 ชั่วโมงหลังแปรงฟัน รวมทั้งทำความสะอาดซอกฟันด้วยไหมขัดฟัน เพื่อลดโอกาสที่จะสูญเสียฟันเพิ่มขึ้น

ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
https://www.thaihealth.or.th/?p=305584