Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

6 เทคนิค รู้จักกินให้เป็น ช่วยสร้างคอลลาเจนได้


หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว

หมวดหมู่ย่อย: อาหารเสริมสุขภาพ

04-03-2023 10:00

คอลลาเจน สิ่งที่หลายคนรู้จักและมีการนำมาใช้เพื่อประโยชน์ด้านการดูแลผิวพรรณมาอย่างยาวนาน เนื่องจากคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวหนังที่จะช่วยให้โครงสร้างผิวมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน ทำให้มีผลิตภัณฑ์คอลลาเจนทั้งทาภายนอกและกินบำรุงจากภายในออกมามากมายเพื่อใช้ในการทดแทนคอลลาเจนที่จะสูญเสียไปเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น แล้วมีอาหารอะไรที่เป็นแหล่งของคอลลาเจนบ้าง และควรกินอย่างไรถึงจะดีต่อร่างกาย

ภาพประกอบเคส

คอลลาเจน สิ่งที่หลายคนรู้จักและมีการนำมาใช้เพื่อประโยชน์ด้านการดูแลผิวพรรณมาอย่างยาวนาน เนื่องจากคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวหนังที่จะช่วยให้โครงสร้างผิวมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน ทำให้มีผลิตภัณฑ์คอลลาเจนทั้งทาภายนอกและกินบำรุงจากภายในออกมามากมายเพื่อใช้ในการทดแทนคอลลาเจนที่จะสูญเสียไปเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น แล้วมีอาหารอะไรที่เป็นแหล่งของคอลลาเจนบ้าง และควรกินอย่างไรถึงจะดีต่อร่างกาย

คอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่คล้ายกับกาว และเป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 80% โดยคอลลาเจนจะอยู่ที่ผิวหนังชั้นล่าง (ชั้นหนังแท้ หรือ dermis) ซึ่งการทาครีมทั่วไปจะไม่มีผลถึงคอลลาเจนในผิวหนัง

ในร่างกายคนเรามีคอลลาเจนมากถึง 16 ชนิด โดยชนิดที่เราจะสามารถพบได้บ่อยในร่างกาย คือ
1. คอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในร่างกาย ช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น การสมานแผล สามารถพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
2. คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบมากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีหน้าที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน
3. คอลลาเจนชนิดที่ 3 เป็นชนิดที่มักจะพบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด
4. คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) สามารถพบได้ในบริเวณเดียวกันกับ ชนิดที่ 1 หรือใต้ชั้นผิวหนัง และในเนื้อเยื่อของทารกในระหว่างตั้งครรภ์

จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนกระจายอยู่ทั่วร่างกายของเรา โดยปกติแล้วร่างกายจะมีการสร้างและสลายคอลลาเจนในปริมาณที่สมดุลกัน แต่เมื่อเรามีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงประมาณร้อยละ 1 ต่อปี ในขณะที่อัตราการสลายคอลลาเจนยังเท่าเดิม ทำให้ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความแข็งแรงของผิวลดลงเมื่ออายุมากขึ้น อย่างที่ทราบกันดีว่า “คอลลาเจนใต้ผิวหนังลดลงก็จะเกิดริ้วรอย” นั่นเอง

คอลลาเจนมีประโยชน์อย่างไร มีหลายงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับคอลลาเจนแสดงให้เห็นว่าคอลลาเจนมีประโยชน์ ดังนี้
1. ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น ความฟู และลดความหยาบกร้านของผิว
2. ทำให้ริ้วรอยที่เห็นได้ชัดดูจางลง
3. ลดการเปราะแตกของเล็บ
4. ช่วยชะลอการสลายของมวลกระดูก เมื่อกินคู่กับแคลเซียมและวิตามินดี
5. ช่วยเรื่องสุขภาพของข้อต่อในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ลดอาการปวดข้อต่อ เป็นต้น

การกินคอลลาเจนให้ได้ผลดีและปลอดภัยที่สุด แนะนำว่าควรเลือกคอลลาเจนสายสั้น (hydrolyzed collagen) เนื่องจากเป็นคอลลาเจนที่ผ่านการไฮโดรไลซ์ (hydrolysis) จนมีขนาดที่เล็กลง ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่าย และกลายเป็นองค์ประกอบของการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย โดยปริมาณของคอลลาเจนที่กินใน 1 วันโดยให้ผลที่ดีที่สุดและไม่มีผลข้างเคียงคือ 2.5 – 15 กรัม

กินให้ดี มีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจน
เราสามารถเลือกการกินอาหารให้ดีเพื่อที่จะช่วยชะลอการสลายและมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้นได้ด้วย 6 เทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คอลลาเจนในร่างกายอยู่กับเราไปนาน ๆ

  1. กินโปรตีนต่อวันต้องเพียงพอ โดยการกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือ ธัญพืชต่าง ๆ ให้เพียงพอความต้องการต่อวัน หรือ 1 – 1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพื่อที่ร่างกายจะนำคอลลาเจนไปใช้ประโยชน์ต่อสภาพผิว ข้อเข่า หรือมวลกระดูก แทนการนำไปปรับสมดุลของโปรตีนในร่างกายนั่นเอง
  2. กินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินซี เพราะวิตามินซีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่ช่วยชะลอการสลายของคอลลาเจน โดยแหล่งของวิตามินซี คือ ผักและผลไม้ต่าง ๆ เช่น ฝรั่ง ผักคะน้า บรอกโคลี สตรอเบอร์รี่ ส้ม แอปเปิลแดง มะนาว เบอร์รี่ชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
  3. กินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินเอ เพราะวิตามินเอช่วยกระตุ้นการเติบโตของไฟโบรบลาสต์ (fibroblast) ที่มีหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินของร่างกาย ที่ทำให้ผิวพรรณยังเต่งตึง โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามิน เอ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ผักที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลืองส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอท มะละกอสุก เป็นต้น
  4. กินอาหารที่เป็นแหล่งวิตามินอี เพราะวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานคู่กับวิตามินซี โดยแหล่งของวิตามินอี คือ น้ำมันพืชต่าง ๆ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง นอกจากนี้ยังพบใน ถั่วอัลมอนด์ อาโวคาโด มะม่วง กีวี่ เป็นต้น
  5. หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน น้ำตาลจะทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชัน (glycation) ที่จะส่งผลให้คอลลาเจนเสียรูปร่าง และไม่ยืดหยุ่นแบบที่ควรเป็น
  6. ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 – 10 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน น้ำเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างคอลลาเจนในร่างกาย หากดื่มน้ำไม่พอการสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงไปด้วยนั่นเอง

ดังนั้น ถ้าใครสนใจอยากที่จะกินคอลลาเจนเพื่อดูแลผิวพรรณ และเลือกเป็นคอลลาเจนสายสั้น หรือไฮโดรไลซ์คอลลาเจน ที่ง่ายต่อการดูดซึม โดยอาจจะกินควบคู่ไปกับวิตามินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี อี และเอ รวมไปถึงดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เพื่อชะลอการสลายตัวและมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน และที่สำคัญต้องกินโปรตีนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ข้อเข่า หรือกระดูก ได้เต็มประสิทธิภาพ

ที่มา : เครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
http://healthy-org.com/libraries/content/72


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท