ฝากไข่เอาไว้ เผื่อคนที่ใช่มาช้า
หมวดหมู่หลัก: พ่อแม่มือใหม่
หมวดหมู่ย่อย: อื่นๆ
25-02-2023 09:28
ปัจจุบันผู้หญิงแต่งงานช้าลง เพราะอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ หรือว่ายังไม่เจอพ่อของลูกในอนาคต แต่ว่าตั้งใจว่าจะมีลูกแน่ๆ ทำให้เทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างการ ‘ฝากไข่’ เริ่มได้รับความนิยม เพื่อให้ลูกที่จะเกิดในอนาคตได้เกิดจากไข่ใบที่สมบูรณ์ในช่วงที่แม่ยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คือ อายุ 20-35 ปี
ปัจจุบันผู้หญิงแต่งงานช้าลง เพราะอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ หรือว่ายังไม่เจอพ่อของลูกในอนาคต แต่ว่าตั้งใจว่าจะมีลูกแน่ๆ ทำให้เทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างการ ‘ฝากไข่’ เริ่มได้รับความนิยม เพื่อให้ลูกที่จะเกิดในอนาคตได้เกิดจากไข่ใบที่สมบูรณ์ในช่วงที่แม่ยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คือ อายุ 20-35 ปี
การฝากไข่ คืออะไร
การฝากไข่ คือ การที่ผู้หญิง เอาเซลล์สืบพันธุ์ หรือเซลล์ไข่ ไปเก็บรักษาไว้โดยการแช่แข็ง เพื่อคงอายุของไข่ ณ ขณะนั้น โดยจะเก็บรักษาไข่โดยการแช่แข็งไว้ในไนโตรเจนเหลว ที่อุณหภูมิติดลบ 169 องศาเซลเซียส เก็บได้เป็น 10 ปี โดยที่ไม่มีผลต่อคุณภาพของไข่ การแช่แข็งไข่ปัจจุบันการใช้วิธี Vitrification ก็คือการแช่แข็งแบบผลึกแก้ว โดยลดอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว
ฝากไข่ตอนไหนจึงจะเหมาะสม
ผู้หญิงที่อยากจะฝากไข่ ควรทำก่อนอายุเกิน 35 ปี เพราะผู้หญิงจะเริ่มมีฟองไข่เยอะที่สุดตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้ว เมื่อคลอดออกมาและเจริญเติบโตขึ้น อายุมากขึ้น จำนวนฟองไข่จะลดลง โดยเฉพาะถ้าอายุมากกว่า 35 ปี คุณภาพก็จะลดลงด้วย
ดังนั้นการที่เราฝากไข่ตั้งแต่อายุน้อย จะดีกว่าฝากตอนอายุเยอะ ช่วงอายุก็เป็นช่วงวัยเจริญพันธุ์ แต่ต้องบรรลุนิติภาวะก่อน จึงจะได้คุณภาพไข่ที่ดี แต่ในกรณีที่อายุเกิน 35 ปีแล้ว ก็ยังสามารถฝากไข่ได้อยู่ เพียงแต่ว่าการกระตุ้นก็อาจจะกระตุ้นหลายรอบ เพื่อให้ได้จำนวนฟองไข่ที่ต้องการ
ผู้หญิง 2 กลุ่ม ที่นิยมฝากไข่ ได้แก่
1. แต่งงานช้า
2. มีโรคประจำตัว เช่น โรคทางพันธุกรรมบางชนิด หรือ กรณีที่ในครอบครัวที่มีประวัติหมดประจำเดือนเร็ว รังไข่เสื่อมเร็วกว่าคนทั่วไป หรือคนไข้ที่มีก้อน มีซีสที่มดลูก รังไข่ ที่เคยผ่าตัดมาแล้ว หรือกำลังจะรักษาด้วยการผ่าตัด คนไข้ที่เป็นมะเร็ง แพทย์จะแนะนำให้ฝากไข่ ก่อนที่จะไปเริ่มการรักษา เพราะว่ายาเคมีบำบัด การฉายแสงจะทำลายรังไข่
ฝากไข่แล้ว อยากท้อง ต้องมีทะเบียนสมรส
เมื่อมีสามีถูกต้องตามกฎหมายในอนาคต หรือการมีทะเบียนสมรส เพื่อที่จะเอาเซลล์ไข่ที่ฝากไว้กับอสุจิของสามีมาผสมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นตัวอ่อนแล้วก็เกิดการตั้งครรภ์ต่อไป ดังนั้นการเก็บไข่ของตัวเองจึงใช้เพื่อการตั้งครรภ์สำหรับลูกของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถเอาไปบริจาคให้คนอื่นได้ เช่น สมมติเก็บมาตอนนี้ ไม่ได้แพลนจะมีลูก ไม่ได้มีสามีแล้ว แต่จะยกให้เพื่อน หรือบริจาคให้คนอื่นในครอบครัว แบบนี้ไม่สามารถทำได้
ทั้งนี้ทารกที่เกิดจากการฝากไข่ จะไม่ต่างจากการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ และจากการศึกษาปัจจุบันยังไม่เจอความแตกต่างระหว่างเด็กที่เกิดจากการฝากไข่ เก็บไข่ จะมีความต่างจากเด็กที่ท้องคลอดตามธรรมชาติ
ต้องท้องก่อนหมดประจำเดือนหรือไม่
โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงไทยจะหมดประจำเดือนในช่วงอายุ 48-50 ปี เมื่อไหร่ที่ยังมีประจำเดือนอยู่ก็ยังสามารถย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปฝังตัวได้ แพทย์ระบุว่า เมื่อถึงเวลานั้นไม่ได้กังวลเรื่องคุณภาพไข่แล้ว แต่ว่าเราจะกังวลการตั้งครรภ์ในอายุมาก เพราะคุณแม่ที่อายุเยอะ ก็จะมีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน ความดัน ครรภ์เป็นพิษระหว่างตั้งครรภ์ได้
แต่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะฝากไข่ได้ โดยแพทย์ จะแนะนำในกรณีที่พร้อมทั้งกำลังทรัพย์และเวลา เพราะค่าใช้จ่ายในการเก็บไข่ก็ค่อนข้างสูง ประมาณ 80,000-150,000 บาท แล้วแต่ว่าต้องใช้ยากระตุ้นมากน้อยแค่ไหน และกระบวนการของแต่ละที่ และเวลาในการเข้าตรวจ ปรึกษา กระตุ้นไข่ และการเก็บไข่ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
ที่มา :
1.workpointtoday https://bit.ly/3IrmXaG
2.สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร