Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

ความสำคัญของถุงยางอนามัย


หมวดหมู่หลัก: ดูแลตัวเองและครอบครัว

หมวดหมู่ย่อย: อื่นๆ

11-02-2023 14:49

ถุงยางอนามัยกับวัยรุ่นมักเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม เนื่องจากหลายคนมักกลัวหรือเขินอายการไปซื้อถุงยางอนามัยมาใช้ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมากับวัยรุ่นจำนวนมากที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่มีการป้องกันด้วยถุงยางอนามัย แม้ว่าจะมีวิธีการป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์อื่นๆ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ก็อาจจะทำให้มีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย

ภาพประกอบเคส

ถุงยางอนามัยกับวัยรุ่นมักเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม เนื่องจากหลายคนมักกลัวหรือเขินอายการไปซื้อถุงยางอนามัยมาใช้ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมากับวัยรุ่นจำนวนมากที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่มีการป้องกันด้วยถุงยางอนามัย แม้ว่าจะมีวิธีการป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์อื่นๆ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ก็อาจจะทำให้มีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อกามโรคถึง 5 เท่า เนื่องจากการสัมผัสของอวัยวะเพศและสารคัดหลั่งโดยตรงกับคนอื่น โดยวิธีการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีเริ่มที่การปรับทัศนคติของการใช้ถุงยางอนามัยกับวัยรุ่นก่อน ซึ่งเริ่มจากการให้ความรู้ถึงผลกระทบจากการไม่สวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ที่อาจส่งผลกระทบตามมาได้

ถุงยางอนามัยในปัจจุบันทำมาจากยางธรรมชาติ (Latex) ที่ได้ผ่านการทดสอบและตรวจสอบแล้วว่ามีความปลอดภัย ไม่มีรูรั่ว และมีความทนทานตามมาตรฐานกำหนด ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายยาทั่วไป หรือสามารถรับฟรีได้ที่สถานพยาบาลต่างๆ

ประโยชน์ของถุงยางอนามัย

  • คุมกำเนิด หน้าที่ของถุงยางอนามัยคือการป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้ จะช่วยให้มีโอกาสคุมกำเนิดได้มากขึ้นเมื่อมีการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี ดังนั้นควรสวมถุงยางตลอดเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ และสังเกตให้ดีก่อนว่าถุงยางอนามัยที่สวมอยู่นั้นรั่วหรือชำรุดหรือไม่
  • ป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคเอดส์ กามโรค หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น เพราะการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้ง่าย
  • ลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยมีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย
  • ช่วยเพิ่มอรรถรสทางเพศได้ ถุงยางอนามัยในปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานได้หลายรูปแบบ ทั้งผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ ผิวขรุขระ มีสี มีกลิ่น ให้เลือกใช้งานได้ตามรสนิยมของผู้ใช้งาน จึงทำให้ช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้

ขั้นตอนการใส่ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี

ทุกคนทั้งเพศหญิงและเพศชายควรมีความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการใส่ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี ทั้งนี้เมื่อต้องใช้งานจริงจะทำให้ไม่เกิดปัญหาการใช้ถุงยางอนามัยที่ผิดวิธีและส่งผลให้การป้องกันขณะมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ผล

  1. ฉีกซองถุงยางอนามัยออกมาแล้วเลือกด้านที่ถูกต้อง โดยให้ด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก แล้วใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ
  2. ให้แน่ใจก่อนว่าอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่แล้วก่อนที่จะสวมถุงยางอนามัย เมื่อสวมแล้วรูดถุงยางอนามัยลงมาจนสุด เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
  3. ก่อนสอดใส่ตรวจดูให้แน่ใจว่าถุงยางอนามัยไม่ชำรุด ปลายถุงยางอนามัยไม่มีรอยรั่วหรือแตกออก บริเวณขอบที่รูดลงมาไม่มีรอยฉีกขาด
  4. เมื่อเสร็จกิจแล้วควรถอดถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ เพื่อไม่ให้มีการหกเลอะเทอะ โดยใช้มือดึงออกจากส่วนโคนก่อนอย่างระมัดระวัง และอาจจะใช้กระดาษชำระห่อก่อนนำไปทิ้ง
  5. ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ในยกต่อไป ควรทิ้งถุงยางอนามัยอันเก่าแล้วเปลี่ยนอันใหม่ เนื่องจากประสิทธิภาพของการป้องกันเชื้อโรคจะลดลง

ข้อควรรู้เกี่ยวกับถุงยางอนามัย

  • ขนาดของถุงยางอนามัย ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขปี พ.ศ. 2535 เรื่องคุณภาพของถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติมีอยู่ 13 ขนาด คือ ตั้งแต่ 44-56 มิลลิเมตร โดยวัดจากความกว้างของถุงยางที่คลี่แบนราบกับพื้น แต่โดยทั่วไปจะมีจำหน่ายเพียง 2 ขนาดคือ 49 และ 52 มิลลิเมตร การวัดขนาดให้เหมาะสมกับถุงยางอนามัย ให้วัดรอบวงของอวัยวะเพศขณะแข็งตัวเต็มที่เป็นหน่วยมิลลิเมตร และนำไปหารด้วย 2 จะได้เป็นขนาดของถุงยางอนามัยที่เหมาะสม
  • ห้ามใช้น้ำมันหรือโลชั่นเป็นสารหล่อลื่น การใช้สารหล่อลื่นอื่นๆ เช่น น้ำมันมะพร้าว โลชั่น เบบี้ออยส์ วาสลีน สบู่เหลว ที่ไม่ใช่เจลหล่อลื่นจะทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการฉีกขาดได้ง่ายในขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการใช้ถุงยางอนามัยได้ ดังนั้นควรใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของซิลิโคนเท่านั้น
  • ถุงยางอนามัยมีวันหมดอายุ สำหรับใครที่ได้รับถุงยางอนามัยแจกฟรี หรือถุงยางอนามัยมีถุงยางอนามัยที่ซื้อมาแล้วเก็บไว้เป็นเวลานาน ควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนนำมาใช้งานทุกครั้ง เนื่องจากสารหล่อลื่นที่อยู่ในซองถุงยางอนามัยนั้นอาจเสื่อมสภาพหรือหมดอายุไปแล้ว เมื่อนำมาใช้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือถุงยางอนามัยชำรุดได้
  • บีบไล่อากาศที่ปลายถุงยางก่อนใส่ทุกครั้ง ก่อนสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งควรบีบไล่อากาศออกก่อน เพราะอากาศที่อยู่บริเวณปลายถุงยางอาจจะทำให้ถุงยางอนามัยแตกหรือฉีกขาดได้ง่าย
  • สวมถุงยางอนามัยให้ถูกด้าน เมื่อฉีกถุงยางอนามัยออกมาจากซองแล้ว ให้หันด้านที่มีกระเปาะตรงส่วนหัวออกด้านนอก และสวมลงบนอวัยวะเพศที่แข็งตัวอยู่ ถ้าสวมถูกด้านจะสามารถรูดถุงยางอนามัยลงได้ง่าย

การมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น ควรป้องกันตัวเองและผู้อื่นด้วยการใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยลดปัญหาที่ตามมาภายหลัง ทั้งการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการป้องกันจึงเริ่มจากการเปลี่ยนทัศนคติต่อการใช้ถุงยางอนามัย ตั้งแต่ตอนที่ไปซื้อมาใช้ก็ไม่ควรเขินอายเพราะกลัวว่าจะถูกล้อเลียน หรือการยืดอกพกถุงไว้กับตัวเองตลอดเวลา ก็ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ตลอดจนถึงการใช้งานที่ถูกวิธีก็เป็นอีกสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรรู้และเข้าใจก่อนการมีเพศสัมพันธ์

ที่มา : สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี
https://bit.ly/3JK1bBo


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท