Facebook หมอชาวบ้าน Youtube หมอชาวบ้าน


โดยมูลนิธิหมอชาวบ้าน

< กลับหน้าหลัก

เตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ สำคัญไฉน


หมวดหมู่หลัก: พ่อแม่มือใหม่

หมวดหมู่ย่อย: อื่นๆ

11-02-2023 13:55

คนมีคู่หรือกำลังจะสร้างครอบครัวเคยถามตัวเองกันไหมว่า ก่อนจะมีเจ้าตัวเล็กนั้น เราจะสามารถส่งผ่านความรักของเราให้กับลูกน้อยได้อย่างไร การเตรียมความพร้อมด้วยการตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ เป็นวิธีบอกรักวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยกลั่นกรอง ส่งเสริมและป้องกันให้ลูกเกิดมาสมบูรณ์ แข็งแรงทั้งกายและใจ อีกทั้งมีความเสี่ยงต่อการพิการ และเสียชีวิตน้อยที่สุด

ภาพประกอบเคส

คนมีคู่หรือกำลังจะสร้างครอบครัวเคยถามตัวเองกันไหมว่า ก่อนจะมีเจ้าตัวเล็กนั้น เราจะสามารถส่งผ่านความรักของเราให้กับลูกน้อยได้อย่างไร การเตรียมความพร้อมด้วยการตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ เป็นวิธีบอกรักวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยกลั่นกรอง ส่งเสริมและป้องกันให้ลูกเกิดมาสมบูรณ์ แข็งแรงทั้งกายและใจ อีกทั้งมีความเสี่ยงต่อการพิการ และเสียชีวิตน้อยที่สุด

ทำไมจึงต้องตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
เพื่อให้คนที่จะเป็นพ่อแม่ได้รู้ภาวะสุขภาพของตนเอง รวมถึงโรคทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อลูก เช่น ธาลัสซีเมีย โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ รวมถึงตรวจหาเชื้อโรคที่เป็นพาหะแอบแฝงอยู่ในร่างกาย เช่น เชื้อซิฟิลิส เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อเอชไอวี ฯ เป็นการป้องกันการติดโรคที่สามารถติดต่อกันได้ระหว่างคู่รักและป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ลูกด้วย

การเตรียมพร้อมก่อนสมรสและก่อนมีบุตรต้องเตรียมอะไรบ้าง
การตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะนอกจากความรัก ยังต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างเปิดเผย จะช่วยให้ทั้งคู่สามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ไม่วาจะเป็น อุปนิสัยใจคอ ความรับผิดชอบ การดูแลเอาใจใส่ และวิถีชีวิต พื้นฐานครอบครัว พื้นฐานการศึกษา เศรษฐกิจ ฐานะการเงิน สุขภาพ โรคติดต่อหรือโรคทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อครอบครัวในอนาคต และที่สำคัญ ถามใจตัวเองเสมอว่าคนที่เลือกคือ “คนที่ใช่” คนที่พร้อมจะดูแล “ร่วมทุกข์ ร่วมสุข” หรือไม่

ช่วงวัยที่มีแนวโน้มที่เหมาะสมต่อการมีบุตร ผู้หญิงควรมีอายุระหว่าง 20-34 ปี เพราะร่างกายมีความสมบูรณ์แข็งแรง มีเรี่ยวแรงในการเลี้ยงดูบุตร มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ และมีเสถียรภาพทางการเงิน

การเตรียมความพร้อมควรปฏิบัติดังนี้

1.การเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย

  • หญิงวัยเจริญพันธุ์ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อุดมด้วยธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ตับ เลือด เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง อาหารทะเล ผักใบเขียวเข้ม ถั่วดำ ถั่วแดง ข้าวโอ๊ต เป็นต้น
  • กินวิตามินเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก เพื่อช่วยลดภาวะซีด และลดความเสี่ยงของทารกพิการแต่กำเนิด
  • เลิกบุหรี่ อย่างน้อย 3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์
  • เลิกดื่มสุรา อย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • หยุดการคุมกำเนิดทุกวิธี
  • มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ (สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง)
  • รักเดียวใจเดียว
  • ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์

2.การดูแลสุขภาพช่องปาก หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์ ควรรับการตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อรับการรักษา ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในช่องปาก เพราะการมีฟันผุ เหงือกอักเสบและเป็นโรคปริทันต์ มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์รวมถึงผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ เช่น การคลอดก่อนกำหนด เด็กเกิดมามีน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม

3.การดูแลสุขภาพจิต สุขภาพกายแข็งแรงไม่พอ สุขภาพใจก็ต้องแข็งแรงไปด้วยกัน เริ่มจากการพักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่นำไปสู่ความเครียดและทำให้เกิดความวิตก สนับสนุนและเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันระหว่างคู่รัก

4.การดูแลสุขภาพการเงินและสังคม ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง การเก็บออม หรือการศึกษาเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีลูก 1 คน ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากมายเลยทีเดียว

5.การป้องกันตนเองจากปัญหาสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศไม่ดี ส่งผลต่อลูกน้อยได้ พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น ขนาด2.5 ไมครอน และการสัมผัสหรือฉีดพ่นสารเคมี ขณะตั้งครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก เพราะอาจมีผลต่อความดันโลหิตสูง การคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดน้อย และขนาดเส้นรอบศีรษะผิดปกติ

การเตรียมความพร้อมด้านการมีลูกเป็นขั้นตอนง่าย ๆ และไม่ซับซ้อน เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยส่งเสริมให้คุณแม่และลูกน้อยแข็งแรงแล้ว

ที่มา : กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://multimedia.anamai.moph.go.th/help-knowledgs/pregnant-planning/


สอบถาม
เพิ่มเติมกับ
แชทบอท